หลังจากที่ คริสเตียโน โรนัลโด ตัดสินใจทิ้งบอมบ์ใส่ต้นสังกัดอย่างทีม ปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยการให้สัมภาษณ์กับ เพียร์ส มอร์แกน พิธีกรและคอลัมนิสต์ชื่อดังชาวอังกฤษ ในรายการ Piers Morgan Uncensored โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับสถานการณ์ของตัวเองกับต้นสังกัด ที่เจ้าตัวเผยว่าเขารู้สึกเหมือนโดนทีมหักหลังด้วยการถูกบีบให้ย้ายทีม รวมถึงการพูดถึง เอริก เทน ฮาก ผู้จัดการทีมว่าเขาไม่ได้เคารพนายใหญ่รายนี้
ซึ่งหลังจากที่บทสัมภาษณ์ฉบับเต็มออกอากาศไปแล้วทางทีมปีศาจแดงได้ออกแถลงการณ์ว่าพวกเขาเริ่มขั้นตอนในการตอบสนองกับบทสัมภาษณ์ดังกล่าว และจะไม่แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมจนกว่ากระบวนการสอบสวนจะสิ้นสุด
อย่างไรก็ตามหลังผ่านไปเกือบ 1 อาทิตย์ ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าทั้งสองฝ่ายตกลงปลงใจที่จะยกสัญญาที่มีต่อกัน
โดยแถลงการณ์ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ระบุว่า “สโมสรขอบคุณ โรนัลโด สำหรับผลงานอันยิ่งใหญ่ตลอด 2 ช่วงเวลาในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ด้วยการยิงได้ 145 ประตูจากการลงเล่น 346 นัด และขออวยพรให้เขา และครอบครัวไปสู่อนาคตที่ดี”
“ทุกคนที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดยังคงจดจ่อกับความคืบหน้าของทีมภายใต้การคุมทีมของเอริก เทน ฮาก และทำงานร่วมกันเพื่อมอบความสำเร็จในสนาม”
หลังทีมปีศาจแดงออกแถลงการณ์ ทางแข้งวัย 37 ปี ก็ออกแถลงการณ์เช่นกัน “หลังจากพูดคุยกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เราได้ตกลงร่วมกันที่จะยุติสัญญาของเรา”
“ผมรัก แมนฯ ยูไนเต็ด และผมรักแฟนๆ ผมจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง แต่มันรู้สึกเหมือนเป็นเวลาที่เหมาะสมในการแสวงหาความท้าทายใหม่ ผมขออวยพรให้ แมนฯ ยูไนเต็ด พบเจอแต่สิ่งดีๆ”
นอกจากการแถลงแยกทางกับนักเตะซูเปอร์สตาร์ชาวโปรตุเกสแล้ว หลังจากนั้นสโมสรได้ออกแถลงการณ์ใหญ่อีกหนึ่งฉบับ โดยเป็นการแจ้งว่าเจ้าของทีมอย่าง ตระกูลเกลเซอร์ เจ้าของทีมคนปัจจุบัน ได้ตัดสินใจที่จะเปิดรับข้อเสนอในการซื้อทีมดังแห่งอังกฤษ หลังจากเข้ามาบริหารงานเป็นเวลากว่า 17 ปี
“กระบวนการนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อปรับปรุงการเติบโตในอนาคตของสโมสร โดยมีเป้าหมายสูงสุดในการวางตำแหน่งสโมสรให้ใช้ประโยชน์จากโอกาสทั้งในสนามและในเชิงพาณิชย์”
“ในกระบวนการนี้ คณะกรรมการจะพิจารณาทางเลือกเชิงกลยุทธ์ทั้งหมด รวมถึงการลงทุนใหม่ในสโมสร การขาย หรือธุรกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับบริษัท ซึ่งจะรวมถึงการประเมินความคิดริเริ่มหลายอย่างเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับสโมสร”
“รวมถึงการพัฒนาสนามกีฬาและโครงสร้างพื้นฐาน และการขยายการดำเนินงานเชิงพาณิชย์ของสโมสรในระดับโลก โดยแต่ละส่วนในบริบทของการเสริมสร้างความสำเร็จในระยะยาวของสโมสรชาย หญิง และสถาบันการศึกษา ทีมและนำผลประโยชน์มาสู่แฟน ๆ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่น ๆ” คำแถลงการณ์จากทีมผีแดง
หลังแถลงการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ราคาหุ้นของสโมสรเพิ่มขึ้น 17% ทันทีหลังข่าวเผยแพร่ โดยเพิ่มมูลค่าเกือบ 336.4 ล้านปอนให้กับมูลค่าตลาดของสโมสร
สำหรับตระกูลเกลเซอร์ เริ่มทยอยซื้อหุ้นของแมนฯยู ตั้งแต่ปี 2003 ก่อนจะเจรจาขอซื้อหุ้นต่อจาก 2 มหาเศรษฐีชาวไอริชในปี 2005 ก่อนทำข้อเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดและกลายเป็นเจ้าของทีมยักษ์ใหญ่แห่งอังกฤษ โดยตลอดเวลาที่ผ่านมาตระกูลเกลเซอร์ถูกแฟนบอลของทีมวิจารณ์และขับไล่อยู่เสมอ ก่อนจะตัดสินใจขายทีมในที่สุด