แร็กเกตของ ราฟาเอล นาดาล ตำนานนักเทนนิสชาวสเปนที่ใช้ในการคว้าแชมป์แกรนด์สแลม เฟรนช์ โอเพ่น 2017 ถูกนำไปประมูลเป็นยอดกว่า 157,000 ดอลลาร์สหรัฐซึ่งกลายเป็นสถิติใหม่ของการประมูลแร็กเกต
โดย นาดาล ได้รับการยกย่องว่าเป็น “ราชาคอร์ตดิน” ซึ่งส่วนสำคัญมาจากการที่เขาผงาดคว้าแชมป์แกรนด์สแลม เฟรนช์ โอเพ่น ได้มากสุดถึง 14 สมัย
ก่อนที่สุดท้ายแล้ว นาดาล จะอำลาวงการไปเมื่อปี 2024 เนื่องจากอาการบาดเจ็บที่เรื้อรังจนไม่สามารถกลับมาคืนฟอร์มเก่งของตัวเองได้
ถึงกระนั้นล่าสุด นาดาล ได้สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ในวงการเทนนิสอีกครั้งเมื่อแร็กเกตที่เขาใช้ในรอบชิงชนะเลิศของ เฟรนช์ โอเพ่น เมื่อปี 2017 ซึ่งสุดท้ายเจ้าตัวเอาชนะ สแตน วาวรินกา จากสวิตเซอร์แลนด์ 3-0 เซ็ต 6-2, 6-3, 6-1 คว้าแชมป์รายการดังกล่าวสมัยที่ 10 ถูกนำไปออกประมูล และสามารถปิดยอดไปได้ถึง 157,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 5.1 ล้านบาท) ซึ่งเป็นแร็กเกตแพงสุดของวงการ
สำหรับสถิติเดิมของแร็กเกตที่แพงสุดของวงการเทนนิสในการประมูลก็เป็นไม้ของ นาดาล ที่ใช้แข่งขันแกรนด์สแลม ออสเตรเลียน โอเพ่น 2022 ด้วยเงิน 139,700 ดอลลาร์ (ราว 4.5 ล้านบาท)
โดยบริษัทจัดประมูลออกมาเผยถึงเหตุผลที่ว่าทำไมแร็กเกตของ นาดาล นั้นจึงมีราคาแพงโดยชี้เป็นของหายาก “การพบแร็กเกตของ ราฟาเอล นาดาล ที่ใช้ในการแข่งขันแกรนด์สแลมไฟนอลนั้นเป็นเรื่องที่หายาก การพบรูปถ่ายเพียงรูปเดียวที่ตรงกันตลอดทั้งฤดูกาลคอร์ตดินเหนียว (และมากกว่านั้น) ซึ่งปิดท้ายด้วยการคว้าแชมป์ เฟรนช์ โอเพ่นนั้น ถือเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”
“การแข่งขันของนาดาลในปี 2017 ตอกย้ำสถานะของเขาในฐานะราชาแห่งคอร์ตดินที่ไม่มีใครโต้แย้ง และแร็กเกตนี้ถือเป็นของที่ระลึกโดยตรงจากแคมเปญที่กำหนดยุคสมัยนั้น”
ทั้งนี้ นาดาล มีความผูกพันกับรายการ เฟรนช์ โอเพ่น อย่างมากซึ่งในทัวร์นาเมนต์ของปีนี้ฝ่ายจัดการแข่งขันได้มีการจัดพิธีอำลากลางคอร์ต โรลังก์ การ์รอส ให้กับเจ้าตัวบนคอร์ตโดยเชิญอดีตคู่ปรับร่วมยุคอย่าง โนวัก ยอโควิช, โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ และแอนดี เมอร์เรย์ มาร่วมเป็นเกียรติซึ่งเขาเผยถึงความรู้สึกว่า “ผมรู้สึกขอบคุณทีมงานทุกคนมากที่ให้โอกาสผม สนามเทนนิสแห่งนี้เป็นสนามที่สำคัญที่สุดในอาชีพของผมอย่างไม่ต้องสงสัย”
“นับเป็นเรื่องราวที่น่าเหลือเชื่อที่เริ่มต้นขึ้นในปี 2004 เมื่อผมมาที่ โรลังก์ การ์รอส เป็นครั้งแรก ผมแทบจะเดินไม่ได้เพราะบาดเจ็บที่เท้า แต่ผมก็สามารถปีนขึ้นไปบนคอร์ตได้ด้วยไม้ค้ำยัน ผมมองไปรอบๆ และฝันว่าจะกลับมาแข่งขันอีกครั้งในปีถัดไป ในปี 2005 ในที่สุด ผมก็สามารถเล่นที่นี่ได้เป็นครั้งแรกเมื่ออายุ 18 ปี”