หลังจากสมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย เปิดโครงการ “สานพลังเยาวชนสู่คนของชาติ Become The Next Generation ปีที่ 3” ดึงนักตบเยาวชนที่มีความสูงและรูปร่างดีเข้าแคมป์ฝึกซ้อม เพื่อสร้างดาวตบรุ่นใหม่ ป้อนสู่ทีมชาติไทยในอนาคต
ล่าสุด “โค้ชอ๊อต” เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร ประธานเทคนิคสมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย กล่าวว่า โครงการนี้คือโครงการที่ทางสมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย ตั้งใจจะสร้างนักวอลเลย์บอลหญิงสายเลือดใหม่ โดยจะพยายามเลือกนักกีฬาที่มีความสูง รูปร่างดี และมีทักษะดีแต่ไม่ถึงกับดีมาก โดยตอนนี้นักกีฬาส่วนใหญ่ที่มาร่วมฝึกในโครงการนี้มีอายุตั้งแต่ 13-17 ปี ส่วนนักกีฬาชุดทีมชาติไทยชุด ยู-19 และ ยู-21 ยังไม่ได้มาร่วมซ้อม เพราะยังติดภารกิจเล่นให้กับสโมสรต้นสังกัด ซึ่งตอนนี้ได้พยายามคุยกับโค้ชของทุกสโมสรเพื่อจะขอตัวนักกีฬามาร่วมซ้อมสัก 1-2 วัน ต่อสัปดาห์ อย่างน้อยให้ทีม ยู-19 และ ยู-21 ได้รวมทีมซ้อมกันบ้าง เพราะจะมีโปรแกรมแข่งขันประมาณเดือนกรกฎาคมปีนี้ หลังลีกจบแล้วคงจะได้ซ้อมต่อเนื่อง
ส่วนการฝึกซ้อมนักกีฬาในโครงการนี้จะปูพื้นฐานของความเข้าใจเทคนิค แท็กติก และที่สำคัญคือร่างกาย เพราะร่างกายต้องใช้เวลาในการสร้าง โดยเด็กในโครงการนี้ต้องใช้เวลาในการปูพื้นฐานด้านร่างกาย ความทนทานและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และพละกำลัง ซึ่งต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 3-4 เดือน ตอนนี้ซ้อมไปแล้วประมาณ 6 สัปดาห์ โดยจะซ้อม 6 วัน ต่อสัปดาห์ เฉลี่ยสัปดาห์ละ 30 ชม. โดย 1 วัน จะซ้อม 2 ช่วงเวลาแบ่งเป็นช่วงเช้าและเย็น
ผู้สื่อข่าวถาม “โค้ชอ๊อต” ถึงประเด็นว่าการซ้อมโครงการนี้ต่างกับการฝึกชุด 7 เซียน หรือไม่ ซึ่งทาง “โค้ชอ๊อต” เผยว่า ต่างกัน เนื่องจากตอนฝึกชุด 7 เซียน มันผ่านมาเกือบ 30 ปีแล้ว ไม่เหมือนกับเด็ก ๆ ณ ปัจจุบันที่มีทักษะที่ดีขึ้นตามกาลเวลา แต่ชุด 7 เซียนนั้นใช้เวลาซ้อมด้วยกันมานานถึง 4 ปี แต่เด็กปัจจุบันไม่มีเวลาซ้อมกันนานเนื่องจากมีโปรแกรมแข่งขันเยอะ ทั้งนี้ก็เป็นห่วงว่านักกีฬาจะมรอาการบาดเจ็บ
“โค้ชอ๊อต” เผยต่อว่า ต้องให้เวลานักกีฬาทุกคนในการฝึกซ้อมเพื่อขึ้นไปติดทีมชุดใหญ่ เพราะถ้านักกีฬาได้มาฝึกซ้อมเรื่อยๆ ก็จะเป็นผลดีกับนักกีฬา และในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคมนี้ เราจะได้รู้กันว่าจะมีนักกีฬาจากทีมชุด ยู-16 ยู-19 และ ยู-21 จะมีใครพอจะสอดแทรกขึ้นไปอยู่ในทีมชุดใหญ่ได้บ้าง
