โทมัส โรซิชกี้ อดีตกองกลางพรสวรรค์สูงจากสาธารณรัฐเช็ก ถือเป็นหนึ่งในนักเตะที่แฟนบอลยุโรปจดจำได้ดีจากสไตล์การเล่นอันชาญฉลาด เทคนิคเยี่ยม และวิสัยทัศน์การจ่ายบอลที่เฉียบคม แม้ชีวิตการค้าแข้งของเขาจะถูกขัดขวางอยู่บ่อยครั้งด้วยอาการบาดเจ็บ แต่สิ่งที่ไม่เคยเลือนหายคือความคลาสสิคในสนามที่เขาสร้างไว้ตลอดการค้าแข้ง
โทมัส โรซิชกี้เกิดเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม ค.ศ. 1980 ที่กรุงปราก ประเทศเช็กโกสโลวาเกีย (ปัจจุบันคือ สาธารณรัฐเช็ก) เขาเติบโตมาในครอบครัวที่มีความผูกพันกับฟุตบอลโดยตรง พ่อของเขาเป็นอดีตนักฟุตบอลอาชีพ และพี่ชายของเขา ยีรี โรซิชกี้ ก็เคยเล่นฟุตบอลเช่นกัน ด้วยสายเลือดนักกีฬา โรซิชกี้จึงเริ่มต้นเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุยังน้อย และเข้าเป็นนักเตะเยาวชนของสโมสรสปาร์ตาปราก สโมสรใหญ่ของประเทศ
โรซิชกี้ ฉายแววโดดเด่นตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น โดยเขาได้ประเดิมสนามให้ทีมชุดใหญ่ของสปาร์ตา ปรากในปี 1998 ขณะที่อายุเพียง 17 ปีเท่านั้น และด้วยฟอร์มการเล่นที่สง่างามในตำแหน่งกองกลางตัวรุก เขาได้รับฉายาว่า “The Little Mozart” หรือ “โมซาร์ทตัวน้อย” เนื่องจากความสามารถในการประพันธ์เกมในสนามได้อย่างไพเราะและมีศิลปะ
เพียงไม่นาน โรซิชกี้ก็ถูกจับตามองจากทีมใหญ่ในยุโรป และในปี 2001 เขาย้ายไปเล่นกับโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ทีมดังจากบุนเดสลีกา เยอรมนี ด้วยค่าตัวราว 14.5 ล้านยูโร ซึ่งถือเป็นสถิติค่าตัวสูงสุดของลีกในเวลานั้น เขากลายเป็นกำลังหลักของทีมทันที และมีบทบาทสำคัญในการพาทีมคว้าแชมป์บุนเดสลีกาในฤดูกาล 2001/02 พร้อมผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศยูฟ่า คัพ (ปัจจุบันคือ ยูโรป้าลีก) ในฤดูกาลเดียวกัน
หลังจากสร้างชื่อในเยอรมนีอยู่หลายปี โรซิชกี้ย้ายมาอยู่กับอาร์เซนอลในปี 2006 ภายใต้การคุมทีมของอาร์แซน เวนเกอร์ ซึ่งมองเห็นศักยภาพและความคล่องแคล่วของเขาอย่างชัดเจน ในช่วงแรกที่เล่นให้กับทีมปืนใหญ่ เขาได้รับคำชมอย่างมากจากแฟนบอลและนักวิเคราะห์ แต่โชคร้ายที่อาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อเรื้อรังและปัญหาหัวเข่าเริ่มเข้ามารบกวน จนทำให้เขาพลาดลงสนามนานเกินหนึ่งปีเต็มระหว่างฤดูกาล 2008-2009
แม้ต้องเจอกับอุปสรรคด้านสภาพร่างกาย โรซิชกี้ไม่เคยยอมแพ้ เขาฟื้นตัวกลับมาและยังได้รับความไว้วางใจจากเวนเกอร์ให้เป็นส่วนหนึ่งของทีมจนถึงปี 2016 ซึ่งนับเป็นช่วงเวลาที่เขาค้าแข้งในพรีเมียร์ลีกถึง 10 ปี โดยลงเล่นให้กับอาร์เซนอลไปทั้งหมด 246 นัด ยิงได้ 28 ประตู และพาทีมคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ 2 สมัยในฤดูกาล 2013/14 และ 2014/15
หลังหมดสัญญากับอาร์เซนอล โรซิชกี้เลือกกลับบ้านเกิดด้วยการเซ็นสัญญากับสปาร์ตาปรากอีกครั้งในปี 2016 เพื่อปิดฉากอาชีพนักเตะในสโมสรที่เขาเริ่มต้น เขาลงสนามให้กับทีมบ้านเกิดได้เพียงไม่กี่นัด ก่อนที่อาการบาดเจ็บเรื้อรังจะบีบให้เขาต้องประกาศแขวนสตั๊ดในเดือนธันวาคม ปี 2017 สิ้นสุดการเดินทางในวงการฟุตบอลในวัย 37 ปี
ในระดับทีมชาติ โรซิชกี้ลงเล่นให้ทีมชาติสาธารณรัฐเช็กไปทั้งสิ้น 105 นัด ทำได้ 23 ประตู เขามีบทบาทสำคัญในทัวร์นาเมนต์ระดับนานาชาติหลายรายการ รวมถึงยูโร 2004 ซึ่งเป็นปีที่เช็กเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ โดยเขาเป็นหัวใจหลักในแผงมิดฟิลด์ร่วมกับ พาเวล เนดเวด และ คาเรล โพบอร์สกี้
หลังจากแขวนสตั๊ด โรซิชกี้ยังคงอยู่ในวงการฟุตบอล โดยเข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการกีฬาของสปาร์ตาปราก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความรักที่เขามีต่อสโมสรบ้านเกิด และความมุ่งมั่นในการพัฒนาเยาวชนรุ่นใหม่ในประเทศของเขา
