ประวัตินักกีฬา

โธมัส แฟรงก์ โค้ชผู้เปลี่ยนโฉมเบรนต์ฟอร์ด สู่การเป็นกุนซือใหม่แห่งทัพ ไก่เดือยทอง

กลายเป็นกุนซือคนใหม่ของ สเปอร์ อย่างเป็นทางการแล้วสำหรับ โธมัส แฟรงก์ เฮดโค้ชชาวเดนมาร์ก ที่ปลุกปั้น เบรนฟอร์ต ขึ้นมาอยู่ในพรีเมียร์ ลีก พร้อมกับยืนระ…

กลายเป็นกุนซือคนใหม่ของ สเปอร์ อย่างเป็นทางการแล้วสำหรับ โธมัส แฟรงก์ เฮดโค้ชชาวเดนมาร์ก ที่ปลุกปั้น เบรนฟอร์ต ขึ้นมาอยู่ในพรีเมียร์ ลีก พร้อมกับยืนระยะได้จนถึงปัจจุบัน

โธมัส แฟรงก์ เกิดเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 1973 ปัจจุบันอายุ 51 จุดเริ่มต้นของเส้นทางการเป็นผู้จัดการทีม เริ่มต้นตั้งแต่ยังอายุไม่มาก โดยหลังจากเรียนจบด้านวิทยาศาสตร์การกีฬาและจิตวิทยากีฬาในช่วงปี 1999-2005 เขาก็เดินหน้าทำงานโค้ชกับทีมเยาวชนท้องถิ่นในบ้านเกิด จนกระทั่งได้ร่วมงานกับสมาคมฟุตบอลเดนมาร์กในระดับเยาวชน และเป็นหัวหน้าโค้ชทีมชาติเดนมาร์ก ยู-16, ยู-17 และ ยู-19 ตั้งแต่ปี 2008-2013 ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่เขาปูพื้นฐานสำคัญให้กับเด็กหลายคนที่ต่อมาเติบโตมาเป็นนักเตะทีมชาติชุดใหญ่

ในปี 2013 แฟรงก์ ได้รับโอกาสครั้งใหญ่เมื่อได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการทีมของบรอนด์บี้ ไอเอฟ หนึ่งในสโมสรชั้นนำของเดนมาร์ก เขาพาทีมจบอันดับ 4 และอันดับ 3 ในซูเปอร์ลีกาสองฤดูกาลติดกัน พร้อมกับสร้างเอกลักษณ์ให้บรอนด์บี้เป็นทีมที่เล่นเกมรุกอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ อย่างไรก็ตาม ความกดดันจากสื่อและความขัดแย้งภายในทำให้เขาตัดสินใจลาออกในปี 2016 ก่อนจะหันไปหาความท้าทายใหม่ในอังกฤษกับสโมสรเล็กๆ ที่ชื่อว่าเบรนต์ฟอร์ด

โธมัส แฟรงก์-โค้ชผู้เปลี่ยนโฉมเบรนต์ฟอร์ด สู่การเป็นกุนซือใหม่แห่งทัพ ไก่เดือยทอง

แฟรงก์ เริ่มต้นที่เบรนต์ฟอร์ดในตำแหน่งผู้ช่วยโค้ชของดีน สมิธ ก่อนที่เมื่อสมิธย้ายไปรับงานกับแอสตัน วิลล่าในปี 2018 เขาก็ถูกผลักดันขึ้นมาเป็นเฮดโค้ชเต็มตัว และนั่นกลายเป็นการตัดสินใจที่เปลี่ยนโฉมหน้าของเบรนต์ฟอร์ด เพราะแฟรงก์พาทีมเบรนต์ฟอร์ดทะยานขึ้นสู่พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2020/21 ผ่านการเพลย์ออฟ ทั้งที่มีงบประมาณการทำทีมต่ำที่สุดในกลุ่มตัวเต็ง จากนั้นเขาก็สร้างทีมให้ทีมมีจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้และความเฉียบคมในการวิเคราะห์เกม เบรนท์ฟอร์ดของเขาเอาชนะทีมใหญ่อย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เชลซี และลิเวอร์พูลได้บ่อยครั้งภายใต้งบประมาณจำกัด แต่เต็มไปด้วยนักเตะที่ถูกคัดสรรอย่างชาญฉลาดทั้ง อิวาน โทนีย์, เอ็มโบโม่, วิสซา, เดวิด รายา หรือคริสตอฟเฟอร์ เอเยอร์

การจัดระบบแท็คติก 4-3-3 และ 3-5-2 ของเขาโดดเด่นทั้งในเรื่องการเพรสซิ่งเป็นระบบ การสวนกลับอันเฉียบคม และการใช้ประโยชน์จากลูกตั้งเตะ ทำให้ชื่อของเขาเริ่มถูกพูดถึงมากขึ้นในฐานะกุนซือที่คู่ควรกับทีมใหญ่ โดยฤดูกาลล่าสุด 2023/24 เจ้าตัวคุม 42 เกม รวมทุกรายการ ชนะ 10 เสมอ 11 แพ้ 21 เหมือนจะน้อย แต่ในฤดูกาลก่อนหน้านั้น 2022/23 เขาชนะในลีกมากถึง 15 จาก 38 เกม

เมื่อสเปอร์ตัดสินใจแยกทางกับอังเก้ ปอสเตโคกลูในช่วงปิดฤดูกาล 2024/25 บอร์ดบริหารของสโมสรไก่เดือยทองก็เล็งเห็นในฝีมือของแฟรงก็และทาบทามเขาในทันที ก่อนที่เวลาต่อมา สเปอร์ จะประกาศแต่งตั้งโธมัส แฟรงก็ เป็นหัวหน้าโค้ชคนใหม่ของทีม พร้อมสัญญา 3 ปีจนถึงฤดูกาล 2027/28 โดยหวังให้เขาเป็นผู้วางรากฐานใหม่ให้กับทีมที่เต็มไปด้วยนักเตะพรสวรรค์แต่ขาดเสถียรภาพ ซึ่งสื่อในอังกฤษรายงานว่าแฟรงก์ ต้องการสร้างทีมที่มีระบบการเล่นชัดเจน ใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และพัฒนานักเตะดาวรุ่งขึ้นมาเป็นกำลังหลัก ซึ่งตรงกับแนวทางที่บอร์ดของสเปอร์ต้องการจะเดินไป

ในวัย 51 ปี แฟรงค์จึงกลายเป็นกุนซือคนที่ 4 ในรอบ 5 ปีของท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ และนี่คือภารกิจครั้งใหญ่ในชีวิตของเขา ที่จะต้องพา สเปอร์ กลับมาประสบความสำเร็จให้ได้อีกครั้ง

Click to comment

Leave a Reply

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Most Popular

To Top