ซาอุดีอาระเบียประกาศเป็นเจ้าภาพการแข่งขันเทนนิสรายการพิเศษในเดือน ต.ค. 2024 โดยมีบรรดาผู้เล่นระดับซูเปอร์สตาร์ของวงการอย่าง โนวัก ยอโควิช, ราฟาเอล นาดาล และยานนนิก ซินเนอร์ เข้าร่วม
ก่อนหน้านี้ ซาอุดีอาระเบีย แสดงนโยบายชัดเจนว่าต้องการขับเคลื่อนประเทศด้วยการกีฬา และการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน โดยเฉพาะเทนนิสที่พวกเขาตั้งเป้าว่า จะทำให้เป็นฮับแห่งใหม่ของโลก ซึ่งย้อนไปเมื่อปลายปีที่แล้วพวกเขาทุ่มงบมหาศาลในการจ้าง โนวัก ยอโควิช นักเทนนิสมือ 1 ของโลกจากเซอร์เบียมาปะทะกับ คาร์ลอส อัลคาราช นักเทนนิสมือ 2 ของโลกจากสเปนในแมตช์พิเศษ นอกจากนั้นยังมีนักหวดหญิงชื่อดังอย่าง อารีน่า ซาบาเลนกา มือ 2 ชาวเบลารุส และ ออนส์ จาเบอร์ จากตูนิเซียร่วมการแข่งขันด้วย
เท่านั้นยังไม่พอ ซาอุดีอาระเบีย ยังเตรียมจัดการแข่งขันเทนนิสรายการ เอทีพี ระดับ มาสเตอร์ส 1000 และดับเบิลยูทีเอ 1000 ในปี 2025 ซึ่งจะเป็นชาติแรกในตะวันออกกลางที่ได้รับหน้าเสื่อจัดทัวร์นาเมนต์ในระดับมาสเตอร์ส 1000 ด้วย รวมถึงการจัดรายการ เน็กซ์ เจน เอทีพี ไฟนัลส์ เป็นระยะเวลา 5 ปี ระหว่างปี 2023-2027 ซึ่งรายการนี้จะเอานักหวดชาย 8 คนที่อายุไม่เกิน 21 ปี และทำผลงานดีที่สุดในปีนี้ ไปแข่งขันหาแชมป์ของนักเทนนิสดาวรุ่ง
กระทั่งล่าสุดมีการยืนยันว่า ซาอุดีอาระเบียจะจัดแข่งขันเทนนิสรายการพิเศษอย่าง “ซิกส์ คิงส์ สแลม” ในเดือน ต.ค. 2024 ที่กรุงริยาด โดยจะทำนักกีฬาเทนนิสชายแถวหน้าของโลก 6 คนมาร่วมชิงชัยในทัวร์นาเมนต์ ประกอบด้วย โนวัก ยอโควิช มือ 1 ของโลกจากเซอร์เบีย, ราฟาเอล นาดาล อดีตมือ 1 ของโลกจากสเปน, คาร์ลอส อัลคาราช มือ 2 ของโลกจากสเปน, ดานิอิล เมดเวเดฟ มือ 3 ของโลกจากรัสเซีย, ยานนิก ซินเนอร์ มือ 4 ของโลกจากอิตาลี และโฮลเกอร์ รูน มือ 7 ของโลกจากเดนมาร์ก แม้ในช่วงนั้นจะมีการแข่งขันในระดับ มาสเตอร์ส 1000 ของ เอทีพี หลายรายการทั้ง เซี่ยงไฮ้ มาสเตอร์ส ที่จีน และปารีส มาสเตอร์ส ที่ฝรั่งเศส ก็ตาม
โดย นาดาล ซึ่งเพิ่งรับหน้าที่เป็นทูตของสหพันธ์เทนนิสซาอุดีอาระเบีย ให้สัมภาษณ์ถึงทัวร์นาเมนต์ที่จะเกิดขึ้นช่วงปลายปีดังกล่าวว่า “หลังจากที่นักเทนนิสคนอื่นๆ ทำเช่นนั้น ผมรู้สึกตื่นเต้นมากที่จะได้เล่นเป็นครั้งแรกใน ริยาด”
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา นาดาล แชมป์แกรนด์สแลม 22 สมัยตกเป็นเป้าวิจารณ์อย่างมากหลังตกลงทำหน้าที่เป็นทูตของสหพันธ์เทนนิสซาอุดีอาระเบีย เนื่องจากโดนมองว่าเป็นเครื่องมือของซาอุดีอาระเบียในการใช้เรื่องกีฬามากลบเกลื่อนการละเมิดสิทธิมนุษยชน รวมถึงความเท่าเทียมระหว่างชายหญิง
