อาร์เจนตินา กลายเป็นหนึ่งในตัวเต็งที่จะคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 ที่จะถึงนี้ หลังจากมีผลงานดีวันดีคืน นับตั้งแต่ตกรอบ 16 ทีมฟุตบอลโลก 2018 ก็ยกระดับฟอร์มการเล่นจนคว้าแชมป์โคปา อเมริกา 2021 ได้สำเร็จในรอบ 28 ปี แน่นอนว่าสปอร์ตไลต์ทั้งหมดได้พุ่งไปที่ ลิโอเนล เมสซี แข้งที่โดดเด่นที่สุดของทีม แต่เบื้องหลังความสำเร็จนั้นยังมีนักเตะที่ชื่อ โรดริโก เดอ ปอล เป็นหัวใจสำคัญในแดนกลางอีกคน
โรดริโก ฮาเวียร์ เดอ ปอล เกิดเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 1994 ในเมืองซารานดี ประเทศอาร์เจนติน่า เขาเป็นน้องคนสุดท้องในบรรดาพี่น้องทั้งหมด 3 คน และเหมือนเด็กคนอื่นๆในอาร์เจนตินา ที่ต้องการหนีความยากจนด้วยฟุตบอล
สมัยยังเด็ก เดอ ปอล หมกหมุ่นอยู่กับฟุตบอลตั้งแต่ 3 ขวบ เขามักจะออกมาเตะฟุตบอลเล่นตามท้องถนนกับพี่ๆ โดยมี ออสวัลโด คุณตาคอยดูแล รวมถึงสอนฟุตบอลให้ และเป็นธรรมดาด้วยความเป็นน้องเล็กสุด จึงถูกพี่ๆ และเพื่อนๆแถวบ้านบังคับให้เล่นเป็น ผู้รักษาประตู ซึ่ง เดอ ปอล ก็ไม่ชอบเอามากๆ
เมื่ออายุได้ 8 ขวบ คุณตาได้พา เดอ ปอล รวมถึง พี่ๆอย่าง ดาเมียน และ กุยโด เดอ ปอล ไปเข้าฝึกฝนฟุตบอลกับ ราซิ่ง คลับ ซึ่ง ที่แห่งนี้เขาได้เปลี่ยนมาเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ อย่างที่ใจอยาก และอยู่กับทีมนาน 10 ปี
หลังจากขัดเกลาฝีเท้า และร่างกายมาอย่างเต็มที่ รวมถึงสไตล์การเล่นที่ดุดัน เมื่ออายุได้ 18 ปี เดอ ปอล ก็ถูกดันขึ้่นไปเล่นกับทีมชุดใหญ่ และได้สัมผัสเกมลีกจริงๆนัดแรก จากการลงไปเล่นในฐานะตัวสำรองเกมที่แพ้ แอตเลติโก เด ราฟาเอลา ก่อนจะเบิกสกอร์แรกในอีก 1 เดือนต่อมา จากลูกยิงไกล สุดถนัด ช่วยให้ทีมชนะ ซาน มาร์ติน เด ซาน ฮวน 3-0
เดอ ปอล ได้ลงเล่นกับ ราซิ่ง คลับ เพียงสองฤดูกาลเท่านั้น ยิงไป 6 ประตู จาก 54 นัด ก่อนจะถูก บาเลนเซีย ในลาลีก้า สเปน ดึงตัวไปร่วมทีมในปี 2014 แต่เขาก็เปิดตัวในยุโรปได้ไม่ดีนัก เมื่อความดุดันของเขากลับมาทำร้ายทีมเสียเอง เดอ ปอล ลงสนามในฐานะตัวสำรองได้เพียงนาทีเดียว ก็ถูกใบแดงไล่ออกจากสนาม หลังจากไปเข้าหนักใส่ อเล็กซ์ วิดัล ในเกมเสมอกับ เซบีญ่า 1-1
ช่วงเวลากับบาเลเซีย ของ เดอ ปอล นั้นไม่ค่อยโดดเด่นมากนักลงเล่นไป 34 นัด ยิงไป 1 ประตู ทำให้ในปี 2016 ทีมต้องปล่อยให้ ราซิ่ง คลับ ในอาร์เจนติน่า ยืมตัวเขากลับไปใช้งาน
อย่างไรก็ตามเพียงไม่นานก็เป็น อูดิเนเซ ในเซเรีย อา อิตาลี ที่ให้ความสนใจ และดึงเข้าไปร่วมทีม ซึ่งที่แห่งนี้เป็นที่ที่เรียกความมั่นใจให้กับ มิดฟิลด์ห้องเครื่อง วัย 22 ปี (อายุขณะนั้น) กลับมามีฟอร์มการเล่นที่ดุดัน และกลายเป็นแกนหลักของทีม ก่อนจะติดทีมชาติอาร์เจนตินา ครั้งแรกในปี 2018
ด้วยสไตล์การเล่นที่ดุดันตามแบบฉบับของมิดฟิลด์อาร์เจนไตน์ขนานแท้ แถมยังทำได้ทั้งรุกและรับ ทำให้ เดอ ปอล กลายเป็นนักเตะคนโปรดของ ลิโอเนล ซลาโลนี กุนซือฟ้า-ขาว ก่อนจะเป็นตัวหลักให้กับทีมในช่วงที่คว้าอันดับ 3 โคปาอเมริกา ปี 2019
เมื่อกลับมายังอูดิเนเซ เดอ ปอล ยังคงเป็นหัวใจสำคัญในแดนกลาง กระทั่งปี 2020 ได้รับความไว้วางใจให้เป็นกัปตันของทีม ก่อนจะฝากผลงานอันยอดเยี่ยมในการลงเล่นให้กับทีมไป 177 นัดยิงไปถึง 33 ประตู
ในปี 2021 เดอ ปอล ยังคงเป็นหัวใจสำคัญที่ทีมชาติอาร์เจนตินา จะขาดไม่ได้ ซึ่งทัวร์นาเมนต์นี้ เดอ ปอล รับบทเป็นมิดฟิลด์ ที่คอยทำลายเกมคู่แข่ง รวมถึงสอดขึ้นไปทำเกมรุกให้กับทีม และร่วมกันกับ ลิโอเนล เมสซี รวมถึงนักเตะคนอื่นๆ พวกเขาสามารถคว้าแชมป์ โคปา อเมริกา มาครองได้ในรอบ 28 ปี อย่างยิ่งใหญ่ โดยที่ เดอ ปอล ทำไป 1 ประตู และเป็นคน แอสซิสต์ ให้ อังเคล ดิ มาเรีย ยิงประตูชัยให้ทีมในรอบชิงชนะเลิศ เหนือบราซิล อีกด้วย
หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจ เดอ ปอล ได้ถูก แอตเลติโก มาดริด ดึงตัวมาร่วมทีมทันที เนื่องจากสไตล์การเล่นที่เด่นทั้งรุกทั้งรับ ทั้งยังมีความดุดันตามแบบที่ ดิเอโก ซิมิโอเน กุนซือ “ตราหมี” ชื่นชอบ
ดุดันอย่างไร ยกตัวอย่างง่ายๆ เมื่อเร็วๆนี้ในเกมที่ อาร์เจนตินา อุ่นเครื่องกับ ฮอนดูรัส มีจังหวะที่ ลิโอเนล เมสซี โดนผู้เล่น ฮอนดูรัส เข้าหนักจนผู้เล่นอาร์เจนติน่า กรูกันยกใหญ่เพื่อเอาเรื่องผู้เล่นรายนั้น ซึ่งคนที่ปรี่เข้าไปคนแรกก็ไม่ใช่ใคร ที่ไหนแต่เป็น เดอ ปอล นี่เอง
จะยอมได้อย่างไรเมื่อเห็นเพื่อนล้มลงตรงหน้า แถมยังเป็น เมสซี่ นักเตะที่เขาเคารพนับถืออย่างมากอีกด้วย เพราะฉะนั้นหากเวลาประท้วงผู้ตัดสิน หรือมีการกระทบกระทั่งกันไม่แปลกเลยหากจะเห็น เดอ ปอล เข้าไปบวกเป็นคนแรกๆ
ตอนนี้ผลงานของอาร์เจนติน่า กำลังพีกแบบสุดๆ ทำสถิติไร้พ่ายมา 35 นัดติดต่อกันแล้ว เหลืออีกเพียง 2 เกมเท่านั้น ก็จะทาบสถิติไร้พ่ายของทีมชาติ อิตาลี ที่เคยทำไว้ที่ 37 เกมได้ และการันตีได้เลยว่าในฟุตบอลโลก 2022 หากไม่เจ็บไปเสียก่อน เดอ ปอล จะยังคงเป็นกำลังหลักให้กับ ทัพฟ้า-ขาว แน่นอน
