หนึ่งในนักเตะแซมบ้าจอมทักษะ และมีการเล่นที่น่าตื่นตาตื่นใจ จนเป็นแบบอย่างให้กับแข้งบราซิลยุคหลังต้องยกให้ โรบินโญ ดาวยิงจอมแพรวพราว ที่เวลาลงสนาม เขาควบคุมลูกฟุตบอลได้ราวกับกำลังเต้นระบำ
โรบินโญ มีชื่อเต็มว่า ร็อบสัน เดอ ซูซา เกิดเมื่อวันที่ 25 มกราคม 1984 ที่เซา วิเซเต ประเทศบราซิล ตอนเด็กๆนั้นครอบครัวของเขาอาศัยอยู่ในย่านคนจน แต่ที่แห่งนี้เองก็เป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางลูกหนังของ โรบินโญ
โรบินโญ เติบโตมากับสตรีทฟุตบอล และทักษะฟุตซอล ตั้งแต่อายุ 6 ขวบ เขาได้เซ็นสัญญากับทีมไบรา มาร์ ซึ่งเป็นทีมท้องถิ่นในรัฐเซา เปาโล และเพียงแค่ปีแรกเขาและเพื่อนร่วมทีมก็สามารถคว้าแชมป์ได้ทันที
เจ้าตัวเริ่มเป็นที่รู้จักของแฟนบอลในประเทศบ้านเกิด ตอนที่อายุได้เพียง 9 ขวบ เมื่อถล่มประตูได้มากถึง 73 ประตูให้กับปอร์ตัวริออส ทีมฟุตซอลที่เขาเล่นอยู่ในปี 1993 ก่อนที่ ซานโตส ทีมดังของลีกแซมบ้า จะจับเขาเซ็นสัญญาในฐานะนักเตะเยาวชน ที่ตอนนั้นมีตำนานลูกหนังอย่าง “ไข่มุกดำ” เปเล่ เป็นคนดูแลอยู่
ปี 2002 โรบินโญ่ ซึ่งขณะนั้นมีอายุ 18 ปี ได้เซ็นสัญญาเป็นักเตะอาชีพครั้งแรกกับ สโมสร ซานโตส โดยเขาลงเล่นไปทั้งสิ้น 24 นัด และทำได้ 9 ประตู ในฤดูกาลนั้น ก่อนที่จะช่วยให้ทีมเป็นแชมป์ลีกได้ด้วย ขณะที่ ถัดมาในปี 2003 โรบินโญ่ ได้ลงเล่นมากขึ้นและได้รับการยอมรับว่าเป็นนักเตะตัวหลักของทีมหลังจากลงสนามทั้งหมด 32 นัด ก่อนที่จะมาพีกสุดๆในฤดูกาลถัดมา เมื่อซัลโวได้ถึง 21 ประตูจากการลงสนามในลีก 37 นัด ซึ่งทำให้ ซานโตส คว้าแชมป์ลีกไปครองได้อีกสมัย
จากฟอร์มการเล่นที่ร้อนแรงทำให้หลายทีมชั้นนำในยุโรปหวังว่าจะเซ็นสัญญากับเขา แต่ต้นสังกัดก็ไม่ยอมปล่อยเนื่องจากต้องการให้อยู่เป็นกำลังสำคัญของทีมต่อไป อย่างไรก็ตาม ในฤดูกาล 2004-2005 โรบินโญ่ ก็เผชิญปัญหาถาโถมเข้ามาในชีวิตเมื่อแม่ของเขาถูกผู้ร้ายลักพาตัว ก่อนที่จะถูกปล่อยตัวภายหลัง 6 สัปดาห์ถัดมา หลังจากมีการยอมจ่ายค่าไถ่ตามที่กลุ่มโจรเรียกร้อง
หลังเหตุการณ์นั้น ทำให้ฟอร์มการเล่นของโรบินโญ่ ตกลงอย่างหนัก เมื่อยิงได้เพียง 4 ประตู ในการลงสนาม 8 นัดในลีก และเมื่อต้นสังกัดเริ่มสังเกตดูจากผลงาน จึงเล็งเห็นว่านักเตะเริ่มไม่มีกะจิตกะใจอยากอยู่ต่อ ทำให้ ซานโตส ตัดสินใจยอมปล่อยศูนย์หน้าจอมเทคนิคออกจากทีม หลังจากที่ได้ข้อเสนอจากเรอัล มาดริด เป็นเงินถึง 30 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือคิดเป็นเงินราว 1,200 ล้านบาท) เมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2005
โรบินโญ่ ได้ลงเล่นเกมลา ลีกา สเปน ครั้งแรกในวันที่ 28 สิงหาคม 2007 ในเกมที่เอาชนะ คาร์ดิซ 2-1 โดยเขาถูกส่งลงสนามเป็นตัวสำรองในนาทีที่ 65 แทนที่ของ โธมัส กราเวอร์เซน อย่างไรก็ตาม ฤดูกาลแรก ของเขาถือว่าล้มเหลว เพราะลงสนามในลีกถึง 37 นัด แต่กลับทำได้แค่ 8 ประตู ซึ่งแน่นอนว่าไม่สมกับความคาดหวังของสโมสร ที่หวังว่าจะเห็นลีลาลากเลื้อยอันแพรวพราวและการพังประตูแบบมหัศจรรย์อย่างที่เจ้าตัวเคยทำได้สมัยค้าแข้งในแดนแซมบ้า
ฟอร์มของ โรบินโญ ไม่ได้ดีขึ้น แม้จะได้รับโอกาสมากมาย แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในชุดแชมป์ ลาลีก้า 2 สมัย และแชมป์ซูเปอร์โคปา 1 สมัย กระทั่ง ปี 2008/09 ที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กำลังเริ่มสร้างทีมใหม่ ก็ดึงเขาไปร่วมทีม ซึ่งครั้งนั้นเป็นดีล ที่ทำให้ โรบินโญ โดนโจมตีอย่างมากว่าเป็นคนเห็นแก่เงิน
ฤดูกาลแรกของ โรบินโญ กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ดูไปได้สวย เมื่อเขาลงสนามไป 41 นัด ยิงไป 15 ประตู แต่ในฤดูกาลต่อมา เขาประสบปัญหาอาการบาดเจ็บ และฟอร์มก็ตกลงอีกครั้ง ทำให้ถูกปล่อยไปให้ ซานโตส ทีมเก่ายืมตัวไปใช้งาน และปล่อยให้ เอซี มิลาน คว้าตัวไปในที่สุด ในฤดูกาล 2010/11
การย้ายมายัง อิตาลี เขาทำผลงานได้ดีในช่วงแรก คว้าแชมป์ เซเรีย อา 1 สมัย และซูเปอร์โคปปา อิตาเลียนา อีก 1 สมัย แต่หลังจากอยู่ได้ 1-2 ฤดูกาล ฟอร์มก็ตกลงเหมือนเดิม ทำให้ ในปี 2014 สโมสรก็ปล่อยตัวให้ เขากลับเรียกฟอร์มกับ ซานโตส ด้วยสัญญายืมตัว กระทั่งปี 2015 เป็น กวางโจว เอเวอร์แกรนด์ ในลีก จีน ที่คว้าตัวเขาไปร่วมทีม
แต่ถึงกระนั้นโรบินโญ ก็ได้ลงสนามเพียง 11 นัดเท่านั้น แม้จะร่วมคว้าแชมป์ลีกจีน แต่ปีต่อมาก็จะตัดสินใจย้ายกลับมาเล่นกับ แอตเลติโก มิเนโร ในลีกบ้านเกิด 2 ฤดูกาล ลงสนามไป 109 นัดยิงไป 38 ประตู คว้าแชมป์ลีก 1 สมัย
เมื่อทำท่าเหมือนฟอร์มของ โรบินโญ จะดีขึ้น ก็มีทีมในยุโรปอย่าง ซิวาสสปอร์ ในลีกสวิสเซอร์แลนด์ และ อิสตันบลู บาซักเซเฮียร์ ในลีกตุรกี ดึงตัวเขาไปเล่นในฤดูกาล 2017/18 และ 2018/19 ตามลำดับ แม้จะได้แชมป์ลีกตุรกี 1 สมัย แต่ฟอร์มส่วนตัวของเขาต้องเรียกว่าล้มเหลวอีก ทำให้ในปี 2020 เขากลับมาค้าแข้ง และแขวนสตั๊ดกับ ซานโตส ทีมที่ปลุกปั้นเขามาตอนยังเด็ก
แม้ว่าส่วนใหญ่ผลงานส่วนตัวของ โรบินโญ จะไม่ได้ผลิตสกอร์อะไรมากมายนัก แต่ผู้คนก็ยังชื่นชม และชอบดูการเล่นของเขาที่น่าตื่นตาตื่นใจอยู่เสมอ การเล่นของเขาสร้างความอันตรายให้กับคู่แข่ง ว่ากันว่าหากดวล 1-1 ผู้ชนะมักเป็น โรบินโญ