ข่าวบอลออนไลน์

โปรตุเกส ตั้ง โรเบร์โต มาร์ติเนซ นั่งแท่นกุนซือคนใหม่

โรเบร์โต มาร์ติเนซ

ทีมฟุตบอลทีมชาติโปรตุเกส โรเบร์โต มาร์ติเนซ กุนซือชาวสเปน นั่งตำแหน่งผู้จัดการทีมคนใหม่แล้วเป็นที่เรียบร้อย 

ก่อนหน้านี้ โปรตุเกส ภายใต้การคุมทีมของ แฟร์นานโด ซานโตส จบศึกฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ ได้แบบน่าผิดหวัง ด้วยการตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย หลังพ่ายให้กับ โมร็อกโก 0-1 ก่อนที่จะแยกทางกันหลังจบศึกเวิลด์ คัพ

ขณะที่ มาร์ติเนซ วัย 49 ปี ก็เพิ่งล้มเหลวกับการคุมทัพปีศาจแดงแห่งยุโรป เบลเยี่ยม ด้วยการตกรอบแรก ศึกฟุตบอลโลก ก่อนตัดสินใจอำลาทีมหลังคุมทัพมานานกว่า 6 ปี ซึ่งไม่นานมานี้ เขาตกเป็นข่าวเชื่อมโยงกับทีมชาติโปรตุเกส โดยรายงานกล่าวว่า มาร์ติเนซ ได้ตกลงทางวาจาเพื่อมาคุมทัพฝอยทอง

โดยการเข้ามาคุมทัพโปรตุเกส ของ มาร์ติเนซ นั้น ทำให้เจ้าตัวกลายเป็นผู้จัดการทีมที่เป็นชาวต่างชาติ คนที่ 3 ของโปรตุเกส ต่อจาก อ๊อตโต กลอเรีย กับ หลุยส์ ฟิลิปเป สโคลารี 2 กุนซือบราซิเลียน

โรเบร์โต มาร์ติเนซ

ซึ่งนายใหญ่คนใหม่ของทัพฝอยทอง ให้สัมภาษณ์ว่า “ผมยินดีอย่างยิ่งที่ได้รับใช้ทีมชาติที่อุดมด้วยนักเตะพรสวรรค์สูงแห่งหนึ่งของโลก ผมตื่นเต้นที่มาอยู่ตรงจุดนี้ ตั้งแต่ครั้งแรกที่ผมเจรจากับประธานสหพันธ์ฟุตบอลโปรตุเกส ผมรู้ว่านี่เป็นโปรเจคต์ที่ทำให้ผมตื่นเต้น”

“ผมเข้าใจความคาดหวังและเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ แต่สหพันธ์ฟุตบอลโปรตุเกสประกอบด้วยทีมงานที่ยอดเยี่ยม และผมตื่นเต้นเหลือเกินว่าเราจะสามารถบรรลุเป้าหมายพร้อมๆ กัน”

“จุดเริ่มต้นของผมจะอยู่ที่ 26 นักเตะชุด ฟุตบอลโลก และ คริสเตียโน โรนัลโด้ เป็นหนึ่งในนั้น”

ก่อนหน้านี้ โปรตุเกส ตกเป็นข่าวกับกุนซือชื่อดังหลายคน โดยเฉพาะมีชื่อของ โชเซ มูรินโญ กุนซือฝีปากกล้าชาวโปรตุเกส รวมถึง มาร์ติเนซ ด้วย สุดท้ายก็กลายเป็นกุนซือชาวสเปนที่ได้นั่งเก้าอี้นายใหญ่คนใหม่ของทัพฝอยทอง

ด้าน ฟาบริซิโอ โรมาโน ผู้สื่อข่าวคนดังชาวอิตาลี ระบุว่า สัญญาของ มาร์ติเนซ กับทีมชาติโปรตุเกสนั้น ได้เซ็นถึงเดือน มิ.ย. 2026 นั่นหมายความว่าเขาจะได้คุมทีมใน 2 ทัวร์นาเมนต์ใหญ่อย่างศึกยูโร 2024 และฟุตบอลโลก 2026

สำหรับโปรไฟล์การคุมทีมของกุนซือชาวสเปนนั้น เคยคุม ทีมวีแกน แอธเลติก นาน 4 ปี คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ในปี 2013 ก่อนย้ายมาคุม เอฟเวอร์ตัน 3 ปี ก่อนมารับงานคุมทีมชาติเบลเยี่ยมในปี 2016 โดยพาทีมครองอันดับ 1 ของ สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (FIFA) ปี 2018 หลังคว้าอันดับ 3 ฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย

Most Popular

To Top