การแข่งขันสนุกเกอร์รายการ “เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ 2025” ชิงเงินรางวัลรวม 700,000 ปอนด์ หรือประมาณ 30 ล้านบาท ที่ ไคตัก อารีนา เขตปกครองพิเศษฮ่องกง เดินทางมาถึงรอบชิงชนะเลิศ โดยเป็นการพบกันระหว่าง นีล โรเบิร์ตสัน มือ 19 ของโลกจากออสเตรเลีย กับ สจวร์ต บิงแฮม มือ 14 ของโลกจากอังกฤษ
ผลปรากฏว่า แมตช์นี้ โรเบิร์ตสัน แสดงให้เห็นถึงฟอร์มอันยอดเยี่ยม เอาชนะ บิงแฮม ไปแบบขาดลอย 10-0 เฟรม ซึ่งเป็นครั้งที่สองในประวัติศาสตร์ของสนุกเกอร์รายการเก็บคะแนน ที่รอบชิงชนะเลิศจบลงด้วยสกอร์เกมศูนย์ โดยครั้งแรกเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 1989 ที่ สตีฟ เดวิส เอาชนะ ดีน เรย์โนลด์ส ในศึกกรังด์ปรีซ์ และยังเป็นครั้งที่สี่ที่การแข่งขัน 2 เซสชั่นมีผลออกมาเกมศูนย์ โดยอีกสองครั้งเกิดขึ้นในศึกยูโรเปี้ยน มาสเตอร์ส 2020 ที่โรเบิร์ตสันชนะ โจว เหย่หลง 9-0 และในเยอรมัน มาสเตอร์ส 2022 ที่ เจ้า ซินถง ชนะ ย่าน ปิ่งเถา 9-0
สำหรับในเซสชั่นแรก โรเบิร์ตสันออกตัวได้อย่างดุดัน ทำเบรก 87, 104, 71 และ 59 ขึ้นนำไปก่อน 4-0 ขณะที่บิงแฮมมีโอกาสลุ้นในเฟรมที่ห้า แต่ทำไม่สำเร็จ ส่งผลให้โรเบิร์ตสันเดินหน้าทิ้งห่าง 5-0 ก่อนเข้าสู่ช่วงพัก เซสชั่นที่สอง บิงแฮมพยายามหาทางกลับเข้าสู่เกม แต่ความเฉียบคมของโรเบิร์ตสันยังคงเหนือกว่า โดยเฉพาะเฟรมที่ 6-8 ซึ่งบิงแฮมมีโอกาสขึ้นนำ แต่กลับโดนโรเบิร์ตสันเบรกแซงไปได้ทั้งหมด ทำให้จบเซสชั่นแรกขึ้นนำ 8-0 และในเซสชั่นที่สอง บิงแฮมยังคงไม่สามารถต้านทานฟอร์มอันร้อนแรงของโรเบิร์ตสันได้ โดยในเฟรมที่ 9 โรเบิร์ตสันเก็บน้ำตาลถึงดำ ชนะไป 69-60 และปิดแมตช์ด้วยสกอร์ 69-27 คว้าแชมป์ไปครองได้อย่างยิ่งใหญ่ โดยเป็นแชมป์สมัยที่ 2 และเป็นแชมป์เก็บคะแนนรายการที่สองในฤดูกาลนี้ หลังจากได้แชมป์อิงลิช โอเพ่น เมื่อเดือนกันยายน
จากความสำเร็จครั้งนี้ ทำให้ โรเบิร์ตสันคว้าเงินรางวัล 180,000 ปอนด์ พร้อมขยับอันดับโลกจากที่ 19 ขึ้นสู่อันดับ 11 ซึ่งทำให้เขาได้สิทธิ์เป็นมือวางในศึกชิงแชมป์โลก โดยไม่ต้องลงเล่นรอบคัดเลือก นอกจากนี้ ในตารางอันดับ 1 ปีล่าสุด นักสนุ้กจากเมลเบิร์นยังขยับขึ้นไปอยู่อันดับ 3 ส่งผลให้ได้สิทธิ์เข้าร่วมแข่งขันทั้งศึก เพลเยอร์ส แชมเปี้ยนชิพ และ ทัวร์แชมเปี้ยนชิพ อีกด้วย
