เลสเตอร์ ซิตี้ ทีมดังแห่งศึกฟุตบอลลีกแชมเปียนชิพ อังกฤษ ออกแถลงการณ์ แจ้งว่า ได้ทำการยื่นฟ้อง พรีเมียร์ลีก และ ฟุตบอลลีก ให้เพิกถอนคำสั่งที่ถูกตั้งข้อหาผิดกฎการเงินแล้ว
จากกรณีที่ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ กล่าวหาว่า เลสเตอร์ ซิตี้ จ่าฝูงลีกแชมเปียนชิพละเมิดกฎด้านผลประโยชน์ และความยั่งยืนของลีก (“Profit &Sustainability” หรือ “P&S”) หลังผลประกอบการรวมตลอด 3 ฤดูกาลที่ผ่านมาในลีกสูงสุดแดนผู้ดีขาดทุนเกินเพดาน 105 ล้านปอนด์ หรือราว 4,620 ล้านบาท
ซึ่งก่อนหน้านี้ทาง เลสเตอร์ ได้ออกแถลงการณ์ ว่าพวกเขารู้สึกผิดหวังเป็นที่พรีเมียร์ลีกได้ตั้งข้อหากับสโมสรในช่วงเวลานี้ ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาสโมสรฯ พยายามที่จะเข้าไปทำความเข้าใจกับพรีเมียร์ลีกในประเด็นดังกล่าวอย่างโปร่งใส ตรงไปตรงมา และแม้ปัจจุบันสโมสร จะไม่ได้อยู่ในพรีเมียร์ลีกก็ตาม
ล่าสุด สโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 2 เกี่ยวกับประเด็นนี้ออกมาอีกครั้ง โดยใจความระบุว่า พวกเขาตัดสินใจยื่นฟ้องพรีเมียร์ลีก และ อีเอฟแอล ให้เพิกถอนคำสั่งที่ถูกตั้งข้อหาผิดกฎการเงิน
โดยแถลงการณ์จากเลสเตอร์ ระบุว่า เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2567 พรีเมียร์ลีก (English Premier League หรือ “EPL”) ส่งเรื่องให้คณะกรรมการอิสระเพื่อชี้ขาดว่าสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ ทำผิดกฎการทำกำไรและความยั่งยืนในขณะที่ยังเล่นอยู่ในพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลที่แล้ว 2022/23 หรือไม่ พรีเมียร์ลีก และสมาคมฟุตบอลลีกของอังกฤษ ผู้จัดการแข่งขันฟุตบอลแชมเปี้ยนชิพ (English Football League หรือ “EFL”) ยังขอให้คณะกรรมการกำหนดบทลงโทษก่อนวันที่ 4 พฤษภาคม 2567 ซึ่งเป็นการแข่งขันนัดสุดท้ายของเลสเตอร์ในฤดูกาลนี้และฟุตบอลลีกจะเป็นผู้ลงโทษเลสเตอร์ตามบทลงโทษของคณะกรรมการต่อไป
ต่อมาในวันที่ 22 มีนาคม 2567 เวลา 16:00 น. ที่ประเทศอังกฤษ (เป็นเวลา 23:00 น. ประเทศไทย) สมาคมฟุตบอลลีกของอังกฤษได้ตีพิมพ์คำสั่งห้ามสโมสรฯ จดทะเบียนนักฟุตบอลใหม่ที่จะเข้าร่วมการแข่งขันลีกแชมเปี้ยนชิพ สาเหตุมาจากสโมสรฯ ได้ละเมิดกฎการทำกำไรและความยั่งยืน แม้ว่าสมาคมฟุตบอลลีกของอังกฤษทราบดีอยู่แล้วว่าสโมสรฯ ได้โต้แย้งอำนาจของสมาคมฟุตบอลลีกของอังกฤษมาโดยตลอด อีกทั้ง คำสั่งดังกล่าวนั้นไม่มีเหตุผลและเป็นการออกคำสั่งก่อนเวลาอันควร เนื่องจากยังเหลือเวลาอีกกว่า 3 เดือน จนกว่าจะสิ้นสุดฤดูกาล 2023/24
เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2567 สโมสรฯ ได้ยื่นฟ้องพรีเมียร์ลีกและฟุตบอลลีกต่อสมาคมฟุตบอลอังกฤษ เพื่อเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวแล้ว ขั้นตอนต่อไปจึงเป็นอำนาจของสมาคมฟุตบอลอังกฤษในการตัดสินคดี
