กลายเป็นหนึ่งในกองหลังที่เล่นดีที่สุดในยูโร 2024 ก็ว่าได้สำหรับ ริกคาร์โด คาลาฟิออรี เซ็นเตอร์ทีมชาติอิตาลี วัย 22 ปี จากโบโลญญา ที่นัดล่าสุดช่วยทำแอสซิสต์ให้ ทีมตามตีเสมอ โครเอเชีย 1-1 และเป็นประตูพา อิตาลี เข้ารอบอีกด้วย
ริกคาร์โด คาลาฟิออรี เกิดเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2002 ที่กรุงโรม ประเทศอิตาลี เขาเป็นเหมือนกับเด็กในเมืองนี้ส่วนใหญ่ทั่วไป ที่มีความใฝ่ฝันอยากเป็นนักฟุตบอล และลงเล่นให้กับ โรม่า
ความฝันของเขาเริ่มก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้น เมื่อได้เข้าไปเป็นเยาวชนของ โรม่า ตอนอายุ 8 ขวบ ก่อนที่ คาลาฟิออรี จะค่อยๆพัฒนาพรสวรรค์เขาของ จนเป็นที่จับตา เรียกได้ว่าเขาคือวอนเดอร์คิดแห่งวงการฟุตบอลอิตาลี ในเวลานั้น ซึ่งผลงานที่โดดเด่นคือการ ขึ้นไปเล่นกับทีม ยู-17 ตอนที่ตนเองอายุ 15 ปี พร้อมกับช่วยทีมคว้าแชมป์ลีกเยาวชนอีกด้วย
แต่แล้วเส้นทางการค้าแข้งก็เกือบจบลง เมื่อต้องประสบปัญหาอาการบาดเจ็บที่เข่าซ้าย ในเกมยูธลีก กับ วิกเตอเนีย พัลเซน ปี 2018 ทำให้เขาต้องพักรักษาตัวนานถึง 347 วัน ซึ่งครั้งนั้น เอดิน เชโก้ หัวหอกรุ่นพี่ชาวบอสเนียได้ชูเสื้อหมายเลข 14 ของคาลาฟิออรีหลังเกมที่ยิงแฮตทริกใน แชมเปี้ยนส์ ลีก เพื่อให้กำลังใจ คาลาฟิออรี ด้วย
เมื่อกลับมาเรียกความฟิต และถูกดันขึ้นชุดใหญ่ปี 2020 ในยุคของ โชเซ มูรินโญ คาลาฟิออรี ไม่ได้รับโอกาสเพียงพอ รวมถึงตำแหน่งที่เล่นตอนนั้นคือแบ๊กซ้าย ซึ่งมี เลโอนาร์โด สปินาซโซลา ครองพื้นที่อยู่แล้ว ทำให้ในฤดูกาล 2021/22 โดนปล่อยไปให้ เจนัว ยืมตัวไปใช้งาน แต่ถึงกระนั้น ก็ลงสนามได้เพียง 3 นัดเท่านั้น สุดท้ายต้องระเห็จไปอยู่กับ บาเซิล ในฤดูกาล 2022/23
การมาเล่นในลีกสวิตเซอร์แลนด์ เหมือนทำให้เขาได้เกิดใหม่ คาลาฟิออรี ถูกเปลี่ยนตำแหน่งจากแบ๊กซ้าย ให้มาทำหน้าที่ตรงเซ็นเตอร์ฝั่งซ้าย พร้อมกับได้รับโอกาสลงสนามต่อเนื่อง 34 นัด ทำให้ พรสวรรค์ ที่มีถูกปลุกขึ้นอีกครั้ง หลังจากชะงักไปนาน
ฤดูกาล 2023/24 เป็นโบโลญญา ที่ขยับก่อนใครเพื่อน ยื่นข้อเสนอเพียง 4 ล้านยูโร เพื่อคว้าตัว คาลาฟิออรี กลับมาลงเล่นในเซเรีย อา ก่อนที่ผลงานของทีมจะพุ่งพรวดขึ้นไปจบอันดับ 5 คว้าโควตาแชมเปียนส์ ลีก ขณะที่ฟอร์มของเขา ก็ได้รับการพูดถึงมีทีมใหญ่ๆอย่าง ลิเวอร์พูล, บาเยิร์น มิวนิก และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ให้ความสนใจ
เช่นเดียวกับ ลูเซีย สปัลเลตติ นายใหญ่อัซซูรี่ ที่ชื่นชอบเขาตรงที่เป็นแข้งสไตล์ไฮบริด สามารถเล่นได้หลากหลายรูปแบบ จึงถูกเรียกตัวมาติดทีมชาติอิตาลี ชุดลุยศึกยูโร 2024
เกมกับ โครเอเชีย ถือเป็นเกมสำคัญชี้เป็นชี้ตายว่าจะเข้ารอบหรือไม่ และเมื่อเวลาเดินเข้าสู่ทดเจ็บ ความหวังของอิตาลี ยิ่งริบหรี่ลงไป แต่แล้วในนาทีสุดท้าย คาลาฟิออรี ก็ตัดสินกระชากพาบอลจากแดนหลังขึ้นมาเอง เพื่อสร้างสรรค์โอกาสครั้งสุดท้ายให้กับทีม ก่อนจะจ่ายให้ มัตเตีย ซักคานญี บรรจงปั่นโค้งสุดสวย เป็นประตู และแอสซิสต์ช่วยให้อิตาลี เข้ารอบ
ยังมีตัวเลขที่น่าสนใจอีกว่า ในเกมดังกล่าว คาลาฟิออรี ดวลลูกกลางอากาศชนะ 100%, ผ่านบอลสำเร็จ 93%, ไม่มีนักเตะคนไหนในเกมเลี้ยงผ่านได้แม้แต่ครั้งเดียว, แท็กเกิลชนะ 100%, ตัดบอลสำเร็จ 3 ครั้ง และสร้างโอกาส 4 ครั้ง
“ความแข็งแกร่งของผมมาจากการที่ผมต้องสู้กับอาการบาดเจ็บ ตอนที่ยังเด็กมาก ตอนนั้นผมไม่เคยคิดที่จะยอมแพ้ และคอยบอกมันว่าสักวัน ผมแทบจะรอไม่ไหวที่จะกลับมาลงสนาม” เขากล่าว
เรียกได้ว่าความเจ็บปวด และประสบการณ์ยากลำบากเมื่อครั้งอดีต ได้ทำให้เขาเป็นนักสู้ที่ไม่ยอมแพ้อยู่เสมอ เหมือนกับสถานการณ์ของอิตาลีในนาทีสุดท้าย
หลังจากสิ้นสุดยูโร 2024 ครั้งนี้ ไม่ว่าเส้นทางของ อิตาลีจะไปได้ไกลแค่ไหน เชื่อว่าชื่อของ ริกคาร์โด คาลาฟิออรี จะกลายเป็นที่สนใจอย่างมาก ในตลาดซื้อขาย รวมถึงได้รับการยกย่องจากแฟนบอลอิตาลี แน่นอน