โธมัส มุลเลอร์ กองหน้าชาวเยอรมนี ประกาศอำลาการรับใช้ทีมชาติอย่างเป็นทางการ หลังจากรับใช้ทีมชาติมานานกว่า 14 ปี
กองหน้าจอมเก๋าวัย 34 ปี ตัดสินใจปิดฉากการรับใช้ทีมอินทรีเหล็ก หลังจากทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร 2024 ซึ่งทีมชาติเยอรมนี ยุติเส้นทางไว้ที่รอบ 8 ทีมสุดท้าย
โดย โธมัส มุลเลอร์ ได้ประกาศการตัดสินใจอำลาทีมชาติ โดยกล่าวว่า “เมื่อผมได้รับโอกาสในการรับใช้ทีมชาติเมื่อราว 14 ปีที่แล้ว ผมไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่ามันจะมาถึง
“หลังจาก 131 เกม 45 ประตู มันถึงเวลาที่จะกล่าวอำลากับตราอินทรีบนหน้าอกด้านซ้าย ผมได้ประสบความสำเร็จอย่างเหลือเชื่อ และพบกับความพ่ายแพ้ที่เจ็บปวดกับทีมชาติ บางครั้งก็ถูกมองข้าม แล้วก็กลับมาติดทีมอีกครั้ง ผมได้ลงสนามเจอสุดยอดนักเตะของโลกเคียงข้างกับเพื่อนร่วมทีมสุดวิเศษ ผู้ซึ่งมีช่วงเวลาที่ไม่อาจจะลืมได้ร่วมกัน”
“ผมภูมิใจที่ได้เป็นตัวแทนของประเทศ และอยากจะขอบคุณทุกคน ผมจะคอยให้กำลังใจทีมในศึกฟุตบอลโลก 2026 ในฐานะแฟนบอล ไม่ใช่นักเตะในสนามอีกต่อไป”
ด้าน ยูเลียน นาเกลส์มันน์ กุนซือของทีมชาติเยอรมนี กล่าวถึงการตัดสินใจอำลาทีมชาติของ มุลเลอร์ โดยระบุว่า “ผมรู้สึกขอบคุณที่ได้ร่วมงานกับ โธมัส ได้เป็นส่วนหนึ่งในอาชีพของเขา ทั้งในนามทีมชาติ และ บาเยิร์น มิวนิค ผมยินดีที่ได้ร่วมงานกับเขา”
“โธมัส เป็นมืออาชีพที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจ มีความหลงใหลในฟุตบอลไม่แพ้ในวันแรก เขาเสริมสร้างทีมของเราไม่เพียงแค่ด้วยความสามารถด้านกีฬาของเขาเท่านั้น แต่รวมถึงความเป็นผู้นำ เป็นแบบอย่าง และเป็นบุคคลที่โดดเด่นอีกด้วย
“โธมัส คือนักเตะที่ฉลาดมากๆ ฉลาดในเรื่องฟุตบอล เต็มไปด้วยอารมณ์และพื้นฐาน ผมเสียใจที่เขาจะไม่ได้อยู่ในทีมของเราอีกต่อไปแล้ว แต่ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าโธมัสจะเป็นผู้กำหนดทิศทางของฟุตบอลเยอรมันต่อไปในอนาคต ทั้งในฐานะผู้เล่นบาเยิร์น มิวนิค หรือในบทบาทอื่นๆในอนาคต เราจะคิดถึงเขาอย่างมากในฐานะนักเตะทีมชาติ”
สำหรับ โธมัส มุลเลอร์ ลงสนามให้ทีมชาติเยอรมนีไปทั้งหมด 131 นัด ยิงได้ 45 ประตู ถือเป็นนักเตะที่ลงสนามให้กับทีมอินทรีเหล็กมากที่สุดเป็นอันดับ 3 เป็นรอง โลธาร์ มัทเธอุส 150 นัด และ มิโรสลาฟ โคลเซ 137 เกม นอกจากนี้ 45 ประตูที่เขาทำได้ยังรั้งอยู่อันดับ 7 ดาวยิงตลอดกาลทีมชาติร่วมกับ คาร์ล-ไฮนซ์ รุมเมนิกเก
นอกจากนี้ มุลเลอร์ เคยคว้ารางวัลดาวซัลโวในฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้ จากผลงานการทำ 5 ประตู และมีส่วนสำคัญช่วยทีมอินทรีเหล็ก ว้าแชมป์ฟุตบอลโลกสมัยที่ 4 ในปี 2014