สตีเฟ่น เคอร์รี การ์ดซูเปอร์สตาร์ โลกเดน สเตต วอร์ริเออร์ส ระบุ ทำบทบาทผู้เล่นเอ็นบีเอให้เต็มที่จนวินาทีสุดท้ายเสียก่อน จากนั้นค่อยมองถึงก้าวต่อไปซึ่งรวมถึงการเป็นเจ้าของแฟรนไชส์ด้วย
สำหรับ เคอร์รี เพิ่งต่อสัญญาใหม่กับ วอร์ริเออร์ส ออกไปอีก 1 ปีมูลค่า 62.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐซึ่งส่งผลให้เจ้าตัวมีข้อผูกมัดกับ “สะพานทอง” อย่างน้อยสิ้นฤดูกาล 2026-27 แล้วจะทำให้ตลอดอาชีพรายได้รวมกว่า 532.67 ล้านดอลลาร์สหรัฐหากอยู่ครบสัญญา พร้อมเป็นการสยบข่าวลือที่ว่า เจ้าตัวจะย้ายไปเล่นกับ แอลเอ เลเกอร์ส เพื่อประสานงานกับ เลอบรอน เจมส์ อีกหนึ่งผู้เล่นซูเปอร์สตาร์หลังทั้งคู่เล่นร่วมกันได้อย่างลงตัวให้กับทีมชาติสหรัฐอเมริกาในการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่ผ่านมา
นอกจากนั้นแล้วผู้เล่นวัย 36 ปียังมีช่องทางในการหารายได้อื่นๆ นอกจากการเป็นผู้เล่นเอ็นบีเอนั่นก็คือ การเป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์ ให้กับผลิตภัณฑ์กีฬา อันเดอร์ อาร์เมอร์ ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในนักกีฬาที่รับทรัพย์สูงสุดของวงการยัดห่วง
ล่าสุด เคอร์รี พูดถึงเป้าหมายของตัวเองในปัจจุบัน และการมองถึงเรื่องอนาคตหลังจากเลิกแข่งโดยเจ้าของตำแหน่งผู้เล่นทรงคุณค่า หรือเอ็มวีพี 2 สมัยไม่ปิดประตูโอกาสใดๆ ที่จะเข้ามาหลังจากรีไทร์ รวมไปถึงการที่จะขึ้นไปเป็นเจ้าของแฟรนไชส์ทีมในเอ็นบีเอด้วยแต่จะเลือกทำในเวลาที่เหมาะสม
“การเป็นเจ้าของแฟรนไชส์เอ็นบีเอในสักวันหนึ่ง แน่นอนที่สุดสำหรับผมมันคือเรื่องที่สนใจ แต่เอาจริงๆ ผมทราบว่ายังเหลือความสำเร็จบนคอร์ตอีกมากให้ไขว่คว้า ก่อนจะเปลี่ยนไปสวมบทบาทอื่นในลีก”
“เอาเป็นว่าแน่นอนเรื่องที่อยากร่วมเป็นเจ้าของแฟรนไชส์เอ็นบีเอ ผมคิดว่าตัวเองสามารถทำงานที่ดีเพื่อช่วยให้แฟรนไชส์อยู่ในสถานะยอดเยี่ยมได้ มันคือสิ่งที่ได้เรียนรู้มาตลอดอาชีพ, ได้ลงมือทำมันมาแล้วกับองค์กรที่ไล่ล่าตำแหน่งแชมป์”
สำหรับ เคอร์รี ลงเล่นกับ วอร์ริเออร์ส มาตั้งแต่เข้าสู่ศึกเอ็นบีเอตั้งแต่ปี 2009 มาจนถึงปัจจุบันซึ่งเจ้าตัวก็พา “สะพานทอง” ประสบความสำเร็จด้วยการคว้าแชมป์เอ็นบีเอมาครอง 4 สมัย (2015, 2017, 2018, 2022) นอกจากนั้นเขายังซิวรางวัลส่วนตัวนอกจากเอ็มวีพี 2 สมัย นั่นก็คือ เอ็มวีพีในรอบชิงชนะเลิศเมื่อปี 2022 รวมถึงมีชื่อติดทีมออลสตาร์ 10 สมัย (2014–2019, 2021–2024)