ตามที่ ”คิวทอง” นายศักดา รัตนสุบรรณ อุปนายกสมาคมกีฬาบิลเลียดแห่งประเทศไทย ยื่นจดหมายลาออกผ่าน นายชุมพล บุษราตระกูล เลขาธิการสมาคมฯ เพื่อแจ้งต่อนายสุนทร จารุมนต์ นายกสมาคมกีฬาบิลเลียดแห่งประเทศไทย หลังอยู่มานานกว่า 40 ปี และเป็น 1 ในผู้ก่อตั้งสมาคมกีฬาสนุกเกอร์ ร่วมกับ นายมอริส เคอร์ เมื่อปี 2525 โดยให้เหตุผลการลาออกถึงจุดอิ่มตัวและอายุมากแล้วด้วยวัย 82 ปี เพื่อเปิดทางให้ผู้ที่มีความเหมาะสมเข้ามาร่วมบริหารงานกับสมาคมกีฬาบิลเลียดต่อไปนั้น
ล่าสุด “บิ๊กฮง” นายสุนทร จารุมนต์ นายกสมาคมกีฬาบิลเลียดแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า “รู้สึกตกใจกับข่าวที่ทางพี่ศักดา รัตนสุบรรณ ได้ลาออกจากสมาคมฯ ซึ่งหนังสือผมนั้นยังไม่ได้เห็น หากพี่ศักดาลาออกจริงผมคงจะให้ออกไม่ได้ เพราะพี่ศักดาคือผู้ชักชวนผมเข้าสู่วงการตั้งแต่เข้ามาร่วมทำหน้าที่ผู้ช่วยผู้จัดการทีม จนมานั่งผู้จัดการทีมสนุกเกอร์ไทย และกรรมการบริหารต่อด้วยการส่งเสริมผลักดันผมเข้ารับตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาบิลเลียดแห่งประเทศ ตั้งแต่สมัยแรกจนมาถึงสมัยที่สอง ผมคงยอมไม่ได้เด็ดขาดที่จะให้พี่ศักดาลาออกจากวงการสนุกเกอร์ในยุคที่ผมยังนั่งตำแหน่งนายกสมาคม
นายสุนทร กล่าวเพิ่มเติมว่า ในเรื่องการลาออกของพี่ศักดา รัตนสุบรรณ ผมขอยับยั้งจดหมายดังกล่าว ซึ่งผมจะขอเข้าไปคุยกับทางพี่ศักดาเป็นการส่วนตัวอีกครั้ง ส่วนในเรื่องของสถานที่ทีบีซี สนุกเกอร์ เซนเตอร์ สังเวียนที่ใช้เก็บตัวทีมชาติมาตลอด และเป็นสถานที่ใช้แข่งขันคัดเลือกนักกีฬาสนุกเกอร์เก็บคะแนนสะสมของไทย ตอนนี้พอทราบเรื่องว่าทางพี่ศักดาจะไม่ต่อสัญญา เพราะว่าขอลาออกจากสมาคมฯ ในเรื่องนี้ก็อยากให้พี่ศักดาเจรจากับเจ้าของสถานที่ เพื่อขอให้สถานที่ดังกล่าวเป็นสถานที่ใช้แข่งขันและเก็บตัวทีมชาติต่อไป ในส่วนเรื่องของค่าเช่าค่าใช้จ่ายทางสมาคมจะเข้าไปพูดคุยกับทางพี่ศักดาอีกครั้ง เพื่อเป็นการช่วยเหลือในเรื่องของการเช่าสถานที่แต่ละเดือนได้ไม่มากก็น้อยครับ
“สุดท้ายนี้ผมขอยืนยันในนามนายกสมาคมกีฬาบิลเลียดแห่งประเทศไทย หากผมยังนั่งอยู่ตำแหน่งนี้พี่ศักดาที่ผมเคารพรักจะต้องอยู่เคียงข้างกับวงการสนุกเกอร์ไทยต่อไป และขอยับยั้งการลาออกในครั้งนี้ด้วย” นายสุนทร จารุมนต์ นายกสมาคมกล่าวทิ้งท้าย