อันเดรีย กวาเดนซี ประธานองค์กรเทนนิสอาชีพชาย (เอทีพี) ยืนยันว่า กรณีเรื่องการไม่ผ่านตรวจโด๊ปของยานนิก ซินเนอร์ นักเทนนิสมือ 1 ของโลกชาวอิตาเลียน เมื่อปีที่แล้วซึ่งเจ้าตัวไม่โดนลงโทษใดๆ นั้นไม่ใช่การเลือกปฏิบัติ
โดย ซินเนอร์ ไม่ผ่านการตรวจโด๊ป 2 ครั้งเมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว แต่เขาได้รับการเคลียร์ชื่อจากคณะกรรมการอิสระของไอทีไอเอซึ่งยอมรับคำอธิบายของนักเทนนิสมือ 1 โลกรายนี้ว่า เทรนเนอร์ของเขาซื้อยาจากร้านทั่วไปมาใช้ และนักกายภาพบำบัดก็นำยานั้นมาใช้ต่อ ก่อนจะมาจับตัวซินเนอร์โดยไม่ได้ใส่ถุงมือ
ทำให้นักหวดวัย 23 ปีได้รับสารต้องห้ามไปโดยไม่รู้ตัว อย่างไรก็ตาม องค์การต่อต้านสารต้องห้ามโลก (วาด้า) ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอนุญาโตตุลาการกีฬาโลก (ซีเอเอส) ว่า ซินเนอร์ ควรมีส่วนรับผิดชอบในเรื่องนี้ และควรโดนแบน 1-2 ปีซึ่งอยู่ในช่วงฟ้องร้องกันอยู่
ล่าสุด กวาเดนซี บิ๊กบริการเอทีพี ยืนยันว่า ไม่มีการเลือกปฏิบัติในกรณีของ ซินเนอร์ แต่อย่างใด โดยเชื่อว่า เกิดจากการกระจายข้อมูลที่ผิดพลาดหลายอย่าง ซึ่งเป็นเรื่องโชคร้าย ตัวเองนั้นมั่นใจเต็มร้อยว่ากรณีนี้ไม่มีการเลือกปฏิบัติเพื่อเอื้อประโยชน์ให้ใครแต่อย่างใด ขั้นตอนทุกอย่าง องค์การเพื่อความโปร่งใสในกีฬาเทนนิส (ไอทีไอเอ) ดำเนินการตามขั้นตอนและตามระเบียบปฏิบัติทุกอย่าง
นอกจากนั้นแล้ว กวาเดนซี ยังกล่าวต่อว่า ตัวเองก็เพิ่งทราบเรื่องเคสของ ซินเนอร์ ก่อนไอทีไอเอประกาศข่าวเพียง 2 วันซึ่งตามจริงก็ควรเป็นเช่นนั้น ปฏิกิริยาแรกของตัวเองคือรู้สึกช็อกเล็กน้อย แต่กรณีนี้กระบวนการต่างๆ ดำเนินการโดยองค์กรอิสระที่ไม่ขึ้นตรงกับใคร หลังจากนี้ขอให้ทุกคนอดทนรอผลอุทธรณ์ และไม่ว่า ซินเนอร์ จะโดนแบนหรือไม่ ก็คิดว่าจะไม่กระทบกับวงการเทนนิสแต่อย่างใด เนื่องจากกีฬาดังกล่าวได้รับความนิยมอยู่แล้ว
ขณะที่ ซินเนอร์ ยืนยันก่อนแข่งแกรนด์สแลมแรกของปี ออสเตรเลียน โอเพ่น 2025 ที่ตัวเองเป็นแชมป์เก่าว่า ระมัดระวังเรื่องการใช้ยา หรืออาหารที่ทานมากๆ ถ้าขวดน้ำเปิดอยู่แล้วก็จะโยนทิ้งทันทีแล้วหาขวดใหม่ และรู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร จึงไม่เก็บเรื่องนี้มาคิด เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด ซึ่งนั่นคือเหตุผลที่เขายังเล่นเทนนิสต่อ