สำหรับ วิลเฟร็ด เอ็นดิดี้ กองกลางทีมชาติไนจีเรียของเลสเตอร์ ซิตี้ แล้ว นี่คือหนึ่งในมิดฟิลด์ตัวรับที่โดดเด่นที่สุดคนหนึ่งในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ด้วยสไตล์การเล่นที่ดุดัน อ่านเกมขาด และมีพลังงานล้นเหลือ ทั้งยังเป็นคนช่วยสร้างสมดุลให้กับทีม และเป็นฟันเฟืองสำคัญในความสำเร็จของเลสเตอร์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ออนยินยี วิลเฟรด เอ็นดิดี้ เกิดเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 1996 ที่เมืองลากอส ประเทศไนจีเรีย เขา เติบโตขึ้นมาในครอบครัวที่มีวินัยอย่างเคร่งครัด พ่อของเขาเป็นทหาร ทำให้เขาใช้ชีวิตวัยเด็กในสภาพแวดล้อมที่เข้มงวด และต้องรับผิดชอบตัวเองตั้งแต่อายุยังน้อย แม้ว่าเขาจะมีความสนใจในฟุตบอล แต่พ่อของเขาอยากให้เขาเน้นเรื่องการศึกษาและมีอาชีพที่มั่นคง อย่างไรก็ตาม ความหลงใหลในกีฬาฟุตบอลของเอ็นดิดี้ทำให้เขามุ่งมั่นพัฒนาฝีเท้าของตัวเองต่อไป
จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นเมื่อเขาเข้าร่วมทีมเยาวชนของ Nathaniel Boys Academy ซึ่งเป็นหนึ่งในอะคาเดมีที่มีชื่อเสียงในไนจีเรีย ฟอร์มการเล่นที่โดดเด่นของเขาทำให้ได้รับความสนใจจากแมวมองของสโมสร เกงค์ ในลีกเบลเยียม และในปี 2015 เขาได้ย้ายไปยุโรปเพื่อเริ่มต้นเส้นทางอาชีพของตัวเองที่นั่น การปรับตัวกับฟุตบอลยุโรปไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเขา แต่ด้วยวินัยและความขยัน เขาสามารถพัฒนาเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ดาวรุ่งที่น่าจับตามองของลีกเบลเยียม
เอ็นดิดี้ ใช้เวลาไม่นานในการสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเอง เขาเป็นนักเตะที่มีวินัยในเกมรับ แข็งแกร่งในการเข้าปะทะ และสามารถเล่นลูกกลางอากาศได้ดี ทำให้เลสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งกำลังมองหาตัวแทนของ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ที่ย้ายไปเชลซีในช่วงซัมเมอร์ปี 2016 ตัดสินใจคว้าตัวเอ็นดิดี้มาร่วมทีมในเดือนมกราคม 2017 ด้วยค่าตัวประมาณ 17 ล้านปอนด์ และการมาของเขาถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของเลสเตอร์ เพราะเขาเข้ามาเติมเต็มช่องว่างที่ก็องเต้ทิ้งไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม
ตั้งแต่วันแรกที่ก้าวเข้าสู่พรีเมียร์ลีก เอ็นดิดี้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของตัวเองทันที เขากลายเป็นหัวใจสำคัญของแผงมิดฟิลด์เลสเตอร์ มีสถิติการเข้าสกัดบอลสูงที่สุดในลีกหลายฤดูกาลติดต่อกัน และเป็นหนึ่งในนักเตะที่แย่งบอลได้มากที่สุดในยุโรป เขาเป็นนักเตะที่ทำงานหนัก มีความขยันไม่มีหมด และสามารถเล่นเกมรับได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นการเข้าสกัด การตัดบอล หรือการช่วยซ้อนให้เพื่อนร่วมทีม ความสามารถเหล่านี้ทำให้เขากลายเป็นกำลังหลักของเลสเตอร์ตลอดหลายปี
ในฤดูกาล 2020/21 เอ็นดิดี้มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้เลสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร ด้วยการเล่นเกมรับที่แข็งแกร่ง และการตัดเกมคู่แข่งที่มีประสิทธิภาพ เขาเป็นนักเตะที่คอยปิดทองหลังพระ ช่วยให้ทีมมีความสมดุล และเปิดโอกาสให้ผู้เล่นเกมรุกสามารถเล่นได้อย่างอิสระมากขึ้น อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขาจะโชว์ฟอร์มได้ดีมาโดยตลอด แต่ปัญหาอาการบาดเจ็บที่ตามรบกวนในช่วงหลังทำให้เขาไม่สามารถลงสนามได้อย่างต่อเนื่อง
ในฤดูกาล 2022/23 เอ็นดิดี้ต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ เมื่อเลสเตอร์ ซิตี้ ทำผลงานได้ต่ำกว่ามาตรฐานและต้องตกชั้นไปเล่นในแชมเปี้ยนชิพ ฤดูกาล 2023/24 แต่เขาก็ยังคงอยู่เป็นกำลังหลักของทีม และมีส่วนสำคัญในการช่วยให้เลสเตอร์สามารถกลับขึ้นสู่พรีเมียร์ลีกอีกครั้ง
ปัจจุบัน เอ็นดิดี้ ลงสนามให้ เลสเตอร์ ซิตี้ ไปแล้วรวม 291 นัด ยิงไป 18 ประตู และยังคงเป็นกำลังหลักในการลุ้นหนีตกชั้นของ เลสเตอร์ ในฤดูกาล 2024/25 นี้ ซึ่งฟอร์มของเขาก็โดดเด่น จนล่าสุดมีข่าวว่า แอตเลติโก มาดริด กำลังจับตาดูสถานการณ์ของเขาอย่างใกล้ชิด
ในส่วนของทีมชาติไนจีเรีย เอ็นดิดี้เป็นผู้เล่นคนสำคัญมาโดยตลอด เขาติดทีมชาติชุดใหญ่ตั้งแต่อายุยังน้อย และลงเล่นในทัวร์นาเมนต์สำคัญอย่าง แอฟริกา คัพ ออฟ เนชันส์ และฟุตบอลโลก เขามีบทบาทสำคัญในแดนกลางของอินทรีมรกต ด้วยสไตล์การเล่นที่แข็งแกร่ง และการควบคุมจังหวะเกมได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้เขาเป็นนักเตะที่ทีมขาดไม่ได้ โดยลงสนามให้ทีมชาติไปแล้ว 62 นัด
แม้ว่าชื่อของเอ็นดิดี้ อาจไม่ได้ถูกพูดถึงมากเท่ากับมิดฟิลด์ชื่อดังคนอื่นๆในพรีเมียร์ลีก แต่บทบาทของเขาในสนามถือว่าสำคัญไม่แพ้กัน เขาคือนักเตะที่ทำงานหนักเพื่อทีม และเป็นรากฐานสำคัญของระบบการเล่นของเลสเตอร์มาโดยตลอด และด้วยอายุเพียง 27 ปี เชื่อว่า เอ็นดิดี้ ยังคงมีเส้นทางที่สดใส และประสบความสำเร็จรออยู่ข้างหน้า