เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ คือหนึ่งในลูกหม้อที่เติบโตมาจากอะคาเดมีของลิเวอร์พูลอย่างแท้จริง เขาคือนิยามของ “เด็กท้องถิ่นผู้กลายเป็นซูเปอร์สตาร์” พร้อมช่วยให้ทีมประสบความสำเร็จในปัจจุบัน
เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เกิดเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ค.ศ. 1998 ที่เมืองลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ โดยเติบโตในย่าน เวสต์ ดาร์บี ไม่ไกลจากสนามซ้อม เมลวู้ด ของสโมสรลิเวอร์พูล ครอบครัวของเขาเป็นแฟนบอลลิเวอร์พูลอย่างเหนียวแน่น และตั้งแต่เด็ก และ เทรนต์ ก็แสดงให้เห็นถึงความหลงใหลในเกมลูกหนังอย่างชัดเจน โดยช่วงอายุ 6 ขวบ เขามีโอกาสเข้าร่วมแคมป์ฝึกซ้อมที่สโมสรจัดขึ้น ซึ่งทำให้แมวมองของทีมเห็นแววและชักชวนเขาเข้าสู่ระบบอะคาเดมีของลิเวอร์พูลตั้งแต่ยังเล็ก
เทรนต์ พัฒนาฝีเท้าอย่างรวดเร็วในระบบเยาวชน โดดเด่นด้วยทักษะการเปิดบอลแม่นยำ การอ่านเกมที่ฉลาดเกินวัย และความสามารถพิเศษในการเติมเกมรุก เขาขยับขึ้นสู่ทีมชุดยู-16 และยู-18 อย่างรวดเร็ว กระทั่ง เจอร์เก้น คล็อปป์ เลือกให้เขามีส่วนร่วมกับทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในฤดูกาล 2016/17 โดยประเดิมสนามในศึกอีเอฟแอล คัพ พบกับท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญในอาชีพ
ฤดูกาล 2017/18 เทรนต์เริ่มยึดตำแหน่งตัวจริงในตำแหน่งแบ็กขวาอย่างต่อเนื่อง โดยแสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่ยอดเยี่ยมในเกมรุก โดยเฉพาะลูกครอสอันแม่นยำ เขามีบทบาทสำคัญในการพาทีมทะลุเข้าชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก แม้สุดท้ายจะพ่ายให้กับเรอัล มาดริด แต่เทรนต์ในวัยเพียง 19 ปีก็แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นอนาคตของทีมอย่างแท้จริง
จากนั้นฤดูกาล 2018/19 เขากลับมาแข็งแกร่งกว่าเดิม กลายเป็นส่วนหนึ่งของแนวรับที่แข็งแกร่งและทำสถิติแอสซิสต์สูงถึง 12 ครั้งในพรีเมียร์ลีก ช่วยลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกได้สำเร็จด้วยการเอาชนะท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ในรอบชิง
ในฤดูกาล 2019/20 เทรนต์ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นอีกครั้ง ด้วยการทำ 13 แอสซิสต์ในพรีเมียร์ลีก ซึ่งถือเป็นสถิติใหม่สำหรับนักเตะในตำแหน่งกองหลัง และเป็นกำลังสำคัญในการพาลิเวอร์พูลคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งแรกในรอบ 30 ปีด้วยคะแนนทิ้งห่างคู่แข่งอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดย เทรนต์ คว้ารางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของ PFA และได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในแบ็กขวาที่ดีที่สุดของโลก
ตลอดช่วงปี 2020–2023 เขายังคงมีบทบาทสำคัญในทีม แม้ลิเวอร์พูลจะมีฟอร์มขึ้นๆ ลงๆ แต่เทรนต์ก็ยังมีสถิติการมีส่วนร่วมกับประตูสูงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในฤดูกาล 2021/22 ที่เขาทำได้ 2 ประตู กับอีก 12 แอสซิสต์ในพรีเมียร์ลีก พาทีมคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ และคาราบาว คัพ อีกทั้งยังเข้าชิงยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกอีกครั้ง แม้จะพ่ายให้เรอัล มาดริดในรอบชิงก็ตาม
ฤดูกาล 2023/24 เป็นต้นมา เทรนต์เริ่มถูกใช้งานในบทบาทใหม่มากขึ้น คือการขยับเข้ามาเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวคุมเกมในบางช่วง เพื่อใช้ประโยชน์จากวิสัยทัศน์และการจ่ายบอลของเขา และในฤดูกาล 2024/25 เขามีบทบาทสำคัญในการช่วยลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ได้อีกหนึ่งสมัย ภายใต้การนำทีมของกุนซือใหม่ อย่างไรก็ตาม แม้จะคว้าแชมป์ได้ แต่อนาคตของเขากลับเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม เนื่องจากสัญญาฉบับปัจจุบันกำลังจะหมดลงในปี 2025 และจนถึงตอนนี้ยังไม่มีการต่อสัญญาใหม่เกิดขึ้น
กระแสข่าวในวงการฟุตบอลระบุว่า เรอัล มาดริด กำลังจับตาสถานการณ์ของเทรนต์อย่างใกล้ชิด และมีความสนใจอย่างจริงจังที่จะดึงเขาไปร่วมทีมในช่วงซัมเมอร์นี้ หากการย้ายทีมเกิดขึ้นจริง เทรนต์จะได้ร่วมงานกับแข้งดาวดังมากมาย และเป็นการพิสูจน์ตัวเองในลีกที่แตกต่างออกไปในอาชีพ
จนถึงปัจจุบัน เทรนต์ลงเล่นให้ลิเวอร์พูลมากกว่า 300 นัด ทำได้มากกว่า 15 ประตู และสร้างแอสซิสต์มากกว่า 80 ครั้งในทุกรายการ พร้อมทั้งคว้าแชมป์สำคัญกับทีมถึง 9 รายการ รวมถึงยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก, พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ, คาราบาว คัพ และฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ เขาไม่เพียงแค่เป็นหนึ่งในนักเตะที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของลิเวอร์พูลในยุคสมัยใหม่ แต่ยังเป็นแบบอย่างของการสร้างนักเตะท้องถิ่นที่ประสบความสำเร็จในระดับโลกอย่างแท้จริง