ยังคงแบกความหวังไว้เต็มบ่า ทั้งยังต้องรับแรงกดดันมหาศาล จากแฟน เดอะ ค็อป ทั่วโลก ตั้งแต่วินาทีแรกที่ย้ายมาสู่ถิ่น แอนฟิลด์ สำหรับ ดาร์วิน นูนเญซ ดาวยิงตัวเพชรฆาตของ “หงส์แดง” ที่ย้ายมาจาก เบนฟิกา สนนราคารวม 64 ล้านปอนด์ (ราว 2.69 พันล้านบาท) ทั้งยังมีออปชั่นเพิ่มเติมถึง 85 ล้านปอนด์ (ราว 3.57 พันล้านบาท) เป็นสถิติสโมสร
นูนเญซ เกิดเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 1999 ในครอบครัวที่ค่อนข้างยากจน ซึ่งอาศัยอยู่ในย่าน อาร์ติกาส ประเทศอุรุกวัย การจะหาข้าวประทังชีวิตในแต่ละมื้อถือเป็นเรื่องที่แทบจะเกินกำลังของครอบครัว ฉะนั้นคงไม่ต้องพูดถึงเรื่องของค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่นูนเญซ ใช้ชีวิต อย่างดิ้นรน และเพื่อจะให้ครอบครัวหลุดพ้นจากความยากลำบากนี้ เขาต้องทำความฝันให้สำเร็จนั่นคือ การเป็นนักฟุตบอลอาชีพ
นูนเญซ มีโอกาสได้เริ่มต้นเส้นทางฟุตบอลกับโรงเรียนลูกหนังในท้องถิ่นอย่าง ลา ลุซ กระทั่งอายุ 14 ปี ก็ได้เซ็นสัญญากับ เปนญารอล ที่อยู่ในเมืองหลวง มอนเตดิเวโอ นั่นทำให้เกิดความวิตกกับครอบครัว และนูนเญซ เองก็คิดถึงบ้าน ทำให้สโมสรต้องส่งเขาย้ายไปเล่นกับทีมท้องถิ่นอย่าง ซาน มิเกล เดอ อาร์ติกาส เพื่อได้อยู่กับครอบครัวตามเดิม เป็นเวลา 1 ปี
ช่วงที่กลับมาค้าแข้งกับ เปนญารอล ฤดูกาล 2017-2019 เขาทำผลงานได้อย่างโดดเด่น จนในปี 2019 อัลเมเรีย ทีมจากลีกา 2 สเปน ได้ดึงตัว นูนเญซ ไปร่วมทีมด้วยค่าตัว 4.76 ล้านปอนด์ ถือเป็นความท้าทายใหม่ และนี่คือก้าวแรกของความฝันที่มีต่อครอบครัว เขาทำการซื้อที่ดินให้กับคุณแม่หลังได้รับรายได้มากขึ้น
เพียงฤดูกาลเดียว นูนเญซ ซัดไปถึง 16 ประตู จนไปสะดุดตาบรรดาทีมในพรีเมียร์ลีก และลีกเอิง ฝรั่งเศส ก่อนที่สุดท้ายจะเป็น เบนฟิกา ที่ยอมทุ่มข้อเสนอกว่า 20.8 ล้านปอนด์ ปิดดีล นูนเญซ ไปในปี 2020
แม้ปีแรกกับ เบนฟิกา จะไม่น่าพอใจนัก แต่หลังจากปรับตัวได้ นูนเญซ ก็ผลิตสกอร์ให้กับยอดทีมจากโปรตุเกสเป็นว่าเล่น ด้วยการทำ 24 ประตู จากการลงสนาม 26 นัด ในลีก และอีก 6 ประตูจาก 10 นัด ในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก
และในจุดนี้เอง นูนเญซ ได้รับความสนใจ จากบิ๊กทีมในยุโรปเรื่อยมา โดยมีข่าวอย่างหนาหูกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก่อนที่สุดท้ายจะเป็น ลิเวอร์พูล ที่ยื่นข้อเสนออย่างจริงจัง และปิดดีลคว้าตัวศูนย์หน้าอุรุกวัยรายนี้ไปในที่สุด
แน่นอนว่าการจากไปของ ซาดิโอ มาเน หนึ่งในแนวรุกที่ดีที่สุดของ ลิเวอร์พูล ทำให้แฟนบอลหวั่นใจไม่น้อย และ นูนเญซ ก็คือความหวังคนใหม่ ที่จะเข้ามาถมช่องว่างนี้ให้เต็ม
แม้สไตล์การเล่นจะแตกต่างจาก มาเน โดยสิ้นเชิง แต่ นูนเญซ ก็มีความคล้ายคลึงกับ เอดินสัน คาวานี กองหน้าจอมเก๋าทีมชาติอุรุกวัยซึ่งเป็นไอดอลของเจ้าตัว โดยคำนิยามของเขา คือ เคลื่อนตัวไปกับลูกบอลได้ดี, สามารถเล่นได้ทุกที่ในแดนหน้า, ขยันวิ่งหาช่อง และจบสกอร์ได้อย่างเฉียบคม ซึ่งศูนย์หน้าสไตล์นี้ เป็นคนที่ลิเวอร์พูล ขาดมาโดยตลอด
จนตอนนี้ นูนเญซ ลงไปแล้ว 6 นัด ทำ 2 ประตู 1 แอสซิสต์ และรับ 1 ใบแดง จากการลงสนามรวมทุกรายการ หากถามว่านี่เพียงต่อความคาดหวังของแฟนบอลหรือยัง ก็คงตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่
อย่างไรก็ตามฤดูกาลยังอีกยาวไกล ยังมีเวลาให้ นูนเญซ ได้ปรับตัว ผลิตสกอร์ รวมถึงเรียกความมั่นใจอีกหลายนัด เพื่อลบความแคลงใจออกจากแฟนบอลให้ชัดไปเลยว่าสุดท้ายเขานั้นคือของจริง หรือของย้อม
