ราฟาเอล นาดาล นักเทนนิสชายมือ 2 โลกจากสเปนระบุว่า ไม่เห็นด้วยที่ในฟุตบอลโลก 2022 ครั้งนี้ห้ามมีการแสดงสัญลักษณ์เกี่ยวกับการเรียกร้องสิทธิ รวมถึงการประท้วงต่างๆ
โดยฟุตบอลโลก 2022 จัดขึ้นที่ประเทศกาตาร์เป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นประเทศที่ส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามทำให้มีกฎข้อห้ามสำหรับแฟนบอลที่จะเดินทางไปชมมากมาย เช่น การห้ามดื่มแอลกอฮอล์, ห้ามมีความสัมพันธ์แบบชั่วข้ามคืน รวมไปถึงห้ามแต่งตัวไม่เรียบร้อย เป็นต้น
ขณะที่ตัวของนักฟุตบอลเองก็ถูกห้ามแสดงออกสิ่งใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเมือง หรือการเรียกร้องสิทธิให้กับกลุ่มคนรักร่วมเพศ หรือ แอลจีบีที หรือแรงงานข้ามชาติที่โดนเอาเปรียบ
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ การที่สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า ห้ามไม่ให้มีการสวมปลอกแขนกัปตันทีมสีรุ้ง หรือที่มีชื่อว่า “วัน เลิฟ” ลงสนาม ไม่เช่นนั้นจะแจกใบเหลืองเป็นการคาดโทษทันที
ขณะที่ในเกมระหว่าง โปรตุเกส ที่เอาชนะ อุรุกวัย 2-0 ในรอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มเอช นัดที่ 2 นั้นก็มีแฟนบอลชาวอิตาเลียนรายหนึ่งวิ่งลงมาในสนาม พร้อมสวมเสื้อยืดที่มีข้อความด้านหน้าว่า “ปกป้องยูเครน” และมีข้อความด้านหลังว่า “ให้ความเคารพผู้หญิงชาวอิหร่าน” เพื่อเป็นการประท้วง
โดยหลังเกมดังกล่าวแฟนบอลรายนี้ก็ถูกทาง กาตาร์ เนรเทศ ออกนอกประเทศทันที เนื่องจากมองว่าทำผิดกฎของการเข้าชมฟุตบอลโลกครั้งนี้
ล่าสุด นาดาล ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าไม่เห็นด้วยที่เวิลด์ คัพ 2022 สั่งห้ามไม่ให้มีการเรียกร้องสิทธิ หรือประท้วงอย่างสันติ “เป็นที่ชัดเจนว่า เราอยู่ในโลกสากลที่ผู้คนมีสิทธิมากขึ้น และผมเข้าใจว่ากีฬาเป็นสถานที่ที่สื่อเปิดรับมากมายเพื่อแสดงสิ่งเหล่านี้ และในแง่นั้น ผมเข้าใจว่าทุกคนต้องมีเสรีภาพในการแสดงออก และความรู้สึกที่มีโดยไม่ทำร้ายผู้อื่น”
“การตัดสินใจของ ฟีฟ่า อาจดูดีขึ้นหรือแย่ลงสำหรับผม แต่ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งเหล่านี้คือกฎหรือทัศนคติที่พวกเขาต้องการทำ ประชาชนสมควรได้รับพื้นที่ในการแสดงออก และแสดงความไม่เห็นด้วย นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น”
“กีฬาเป็นสถานที่ในการแสดงออกถึงความเป็นตัวเองเพราะมันเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก แต่นอกเหนือจากนั้น สำหรับผมแล้ว สิ่งสำคัญคือคุณต้องลงเอยด้วยการเล่นฟุตบอลหรือเทนนิส และอย่างอื่นคือเวทีในการพัฒนาโลก แต่สิ่งสำคัญคือกีฬา ผมคิดว่าคำถามเหล่านี้จำเป็นต้องถาม ฟีฟ่า และผู้ที่จัดการแข่งขันสำคัญเหล่านี้ว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่”