ประวัตินักกีฬา

คริสเตียน อีริกเซน แข้งผู้ฟื้นคืนชีพกลับมาเพื่อเล่นฟุตบอล

คริสเตียน อีริกเซน

 “โคนม” ทีมชาติ เดนมาร์ก ประกาศรายชื่อผู้เล่นชุดแรก 21 (จะมีเพิ่มเติมอีก) ออกมาเรียบร้อยแล้ว นำมาโดย จอมทัพคนเก่งอย่าง คริสเตียน อีริกเซน เพลย์เมกเกอร์ระดับมันสมองของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 

 หากยังจำกันได้ดี อีริกเซ่น เคยเกือบต้องเลิกเล่นฟุตบอลไปแล้ว จากอาการหัวใจหยุดเต้นกระทันหันระหว่างลงรับใช้ทีมชาติเดนมาร์ก ในศึกยูโร 2020 ก่อนที่เจ้าตัวจะฮึดสู้รักษาตัว กลับมาลงสนามอีกครั้ง ด้วยฟอร์มการเล่นที่ยังคงมาตรฐานเดิม

 อีริกเซน มีชื่อเต็มๆว่า คริสเตียน แดนเนแมนน์ อีริกเซน เกิดเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 1992 ครอบครัวของเขาอาศัยอยู่ในเมือง มิดเดลฟาร์ต ประเทศเดนมาร์ก โดย อีริกเซน เริ่มเล่นฟุตบอล ตามรอย โธมัส อีริกเซน พ่อของเขา รวมถึงน้องสาวของเขาเอง ก็ได้รับอิทธิพลมาจากพี่ชาย และกลายมาเป็นนักฟุตบอลหญิงทีมชาติเดนมาร์ก ในปัจจุบันด้วย

คริสเตียน อีริกเซน

 อีริกเซน ได้รับการฝึกฝนฟุตบอลกับสโมสร มิดเดลฟาร์ต จีแอนด์บีเค ที่คุณพ่อของเขาเป็นโค้ช ตั้งแต่ 3 ขวบ โดยในปี 2004 อีริกเซน ในวัย 12 ปี พาทีมเยาวชนของตัวเองเป็นแชมป์ไร้พ่าย ก่อนที่ในปีถัดมา จะย้ายไปร่วมกับทีมที่ใหญ่ขึ้นอย่าง โอเดนเซ 

  แม้จะย้ายไปเล่นในสังเวียนที่เคี่ยวขึ้น อีริกเซน ก็ยังเป็นแข้งดาวรุ่งที่ทำผลงานได้อย่างโดดเด่น เขาพาทีมคว้าแชมป์เยาวชนอีกครั้ง โดย ทอนนี เฮอร์มันเซน โค้ชของเขาในขณะนั้นยกย่อง ว่า อีริกเซน เป็นเด็กที่มีทั้ง เทคนิกการเลี้ยงบอล และฟรีคิก ที่ทำได้ยอดเยี่ยมเกินอายุ

 อีริกเซน ในวัย 14 ปี ได้รับความสนใจจากทีมยักษ์ใหญ่ในยุโรปหลายต่อหลายทีม ไม่ว่าจะเป็น เชลซี กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในศึกพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ หรือจะเป็น บาร์เซโลนา กับ เรอัล มาดริด ในลาลีก้า สเปน รวมถึง เอซี มิลาน ในเซเรีย อา อิตาลี อย่างไรก็ตาม อีริกเซน ปัดข้อเสนอนั้นทั้งหมด ก่อนจะเลือกไปอยู่กับ อาแจ็กซ์ ในฮอลแลนด์ ในวัย 16 ปี

 “ก้าวแรกของผมไม่ควรใหญ่เกินไป ผมรู้ว่าการเล่นในเนเธอร์แลนด์จะดีมากสำหรับการพัฒนาของผม จากนั้นอาแจ็กซ์ก็มาถึง และนั่นก็เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม”

  “ผมสนุกมากกับช่วงที่เคยไปทดลองฝีเท้าที่ เชลซี แต่มันเป็นก้าวที่ใหญ่เกินไปในตอนนั้น มันแตกต่างมากจากสมัยเล่นที่เดนมาร์ก ทุกๆ อย่างที่ โอเดนเซ ล้วนเล็กกว่าทั้งหมด สนามซ้อมก็ต่างกัน ที่เดนมาร์ก การซ้อมไม่มีกฎระเบียบอะไร ทุกอย่างเป็นอิสระ”

  “ตอนที่ผมเลือกไป อาแจ็กซ์ เป็นเพราะอยู่ใกล้บ้าน และทำให้แม่ของผมมาเยี่ยมได้ในช่วงเดือนแรก แถมอุปนิสัยใจคอคนดัตช์ก็ใกล้เคียงคนเดนมาร์ก มันเลยง่ายในการตัดสินใจย้ายไปที่นั่น” อีริกเซน เล่าถึงตอนแรกอาแจ็กซ์ เป็นก้าวสำคัญของชีวิต

 มิดฟิลด์ชาวเดนมาร์กใช้เวลาเพียง 2 ปี ก็ก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ พร้อมกับช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ เอเรดิวิซี ได้ทันทีในปีแรก ก่อนลงสนามให้ อาแจ็กซ์ไป 113 นัด ยิงไป 25 ประตู คว้าแชมป์ลีกอีก 2 สมัย รวมเป็น 3 สมัยติดต่อกัน ทั้งยังมีแชมป์ฟุตบอลถ้วย 1 สมัย และแชมป์ โยฮัน ครัฟฟ์ ชิลด์ อีก 1 สมัย 

 หลังจากโชว์ฟอร์มเข้าตาจนเป็นที่รู้จัก อีริกเซน ในปี 2013 ตัดสินใจเลือก สเปอร์ เป็นจดหมายต่อไป ซึ่งเขาก็เป็นกำลังสำคัญในแดงกลางของ สเปอร์ ตลอดระยะเวลา 7 ฤดูกาล ลงสนามไป 305 นัด ยิงไป 69 ประตู แต่น่าเสียดายที่ไม่มีแชมป์ติดมือเลยสักรายการ โดยผลงานที่ดีที่สุดคือ รองแชมป์ลีก คัพ ในปี 2014/15 และรองแชมป์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก 2018/19

 เมื่อถึงจุดอิ่มตัวกับ สเปอร์ อีริกเซ่น ตัดสินใจย้ายทีมอีกครั้ง ท่ามกลางความสนใจจากยักษ์ใหญ่หลายทีมเช่นเดิม แต่สุดท้ายเป็น อินเตอร์ มิลาน ที่ได้ตัวเขาไปร่วมทีม

 อย่างไรก็ตาม อีริกเซ่น ดูเหมือนจะมีปัญหาเรื่องการปรับตัว ทั้งยังมีอาการบาดเจ็บรบกวน ทำให้ฟอร์มการเล่นดรอปลงไป และไม่ค่อยได้ลงสนามเท่าไหร่นัก

คริสเตียน อีริกเซน

 หลังจากย้ายไปเล่นให้กับ อินเตอร์ มิลาน ได้ฤดูกาลเดียว ก็เข้าสู่ช่วง ยูโร 2020 แม้จะไม่ค่อยได้ลงสนาม แต่ อีริกเซน ก็ยังคงเป็นจอมทัพที่ไว้ใจได้ที่สุดของทัพโคนม แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์อย่างที่เกริ่นไว้ข้างต้น ในเกมรอบแรก ที่เดนมาร์ก พบกับ ฟินแลนด์ อีริกเซ่น เกิดวูบคาสนาม จนแพทย์ต้องยื้อชีวิตอยู่นาน โชคดีที่เขาได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที และถูกนำตัวส่งโรงพยายาลในที่สุด

 แม้จะอยู่รอดปลอดภัย แต่อีริกเซ่น ต้องผ่าตัดเพื่อใส่อุปกรณ์กระตุ้นหัวใจเอาไว้ ทำให้เขาไม่มีโอกาสลงเล่นกับ อินเตอร์ มิลานต่อ เนื่องจากในอิตาลี มีกฎห้ามนักเตะใส่อุปกรณ์กระตุ้นหัวใจลงเล่น ก่อนที่สุดท้ายเขาจะเลือก เบรนต์ฟอร์ด เป็นสโมสรที่ชุบชีวิตให้เขากลับมาลงสนามอีกครั้ง 

 อีริกเซน ลงเล่นให้กับ เบรนต์ฟอร์ด ในเวลาสั้นๆ แต่ก็ยกระดับเกมของ เบรนต์ฟอร์ด ให้แข็งแกร่งขึ้นผิดหูผิดตา ก่อนจบฤดูกาล 2022 เขาจะเลือกย้ายซบ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และกลับมาโชว์ฟอร์มได้ดีอย่างต่อเนื่อง 

 ในฟุตบอลโลกหนนี้ทีมชาติเดนมาร์ก นับเป็นม้ามืดที่น่าจับตามอง รวมถึงเป็นทีมชาติที่ใครหลายๆคนเอาใจช่วย เนื่องจากเป็นทีมรอง ที่มักจะสู้กับชาติยักษ์ใหญ่ได้อย่างสนุก รวมถึงตัว อีริกเซน ก็เป็นนักเตะที่แฟนบอลรักใคร่ และต้องการเห็นเขาลงสนามต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงวัยที่ต้องแขวนสตั๊ด ไม่ใช่ต้องเลิกเล่นเพราะโรคหัวใจ

Most Popular

To Top