จอห์น อิสเนอร์ นักเทนนิสจอมเก๋าจากสหรัฐอเมริกา เผยเหตุผลสำคัญที่ทำให้ตัดสินใจแขวนแร็กเกตอย่างเป็นทางการหลังลงเล่นอาชีพมานานกว่า 17 ปี เนื่องจากถึงเวลาที่เหมาะสมแล้ว
โดย อิสเนอร์ ลงแข่งขันเทนนิสอาชีพตั้งแต่ปี 2007 ซึ่งเจ้าตัวประสบความสำเร็จด้วยการเคยขึ้นไปรั้งตำแหน่งมือ 8 ของโลกเมื่อปี 2018 พร้อมคว้าแชมป์ในระดับเอทีพีทัวร์มาครองได้รวม 16 รายการ ซึ่งรายการใหญ่สุดคือ รายการระดับมาสเตอร์ส 1,000 อย่าง ไมอามี โอเพ่น เมื่อปี 2018
ขณะที่ในทัวร์นาเมนต์แกรนด์สแลมเจ้าตัวยังไม่เคยซิวโทรฟี่มาครองได้เลย โดนที่ใกล้เคียงสุดคือการผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศของ วิมเบิลดัน เมื่อปี 2018
อย่างไรก็ตามผู้เล่นวัย 38 ปีรายนี้ครองสถิติเป็นผู้เล่นที่สามารถเสริมฟเอซได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของรายการเอทีพีด้วยจำนวน 14,411 ครั้ง พร้อมสถิติเล่นแมตช์แกรนด์สแลมที่ยาวนานสุดอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์การแข่งขันแกรนด์สแลมด้วยเวลา 6 ชั่วโมง 36 นาที ในเกมที่เขาเอาชนะ นิโคลัส มาฮุต 3-2 เซ็ต 6-4 3-6 6-7 7-6 70-68 เมื่อปี 2010
ถึงกระนั้น อิสเนอร์ ได้ประกาศผ่านโซเชียลมีเดียส่วนตัวว่าเขาจะรีไทร์จากวงการหลังจบศึก ยูเอส โอเพ่น 2023 ที่บ้านเกิด ซึ่งเขาจบเส้นทางไว้ที่เพียงรอบแรกเท่านั้นว่า “หลังจากใช้เวลากว่า 17 ปีกับ เอทีพี ทัวร์ ก็ถึงเวลาบอกการเล่นเทนนิสอาชีพของผมแล้ว มีเวลาในอาชีพนักกีฬาทุกคนที่พวกเขาต้องตัดสินใจวางมือ สำหรับผม เวลานั้นคือตอนนี้”
ล่าสุด อิสเนอร์ ซึ่งปิดท้ายการเล่นอาชีพด้วยการอยู่ในอันดับ 157 ของโลก เปิดเหตุผลของการแขวนแร็กเกตว่า “ผมไม่ได้ตัดสินใจแบบนี้ง่ายๆ แต่ผมรู้สึกว่า มันเป็นหนทางที่ถูกต้อง ตอนที่ผมออกจากมหาวิทยาลัยจอร์เจียในปี 2550 ไม่มีทางที่ผมจะจินตนาการถึงการเล่น เอทีพี ทัวร์ เป็นเวลา 17 ปี แน่นอนว่ามีแมตช์นับไม่ถ้วนที่ผมหวังว่าจะได้กลับมา แต่ผมภูมิใจกับสิ่งที่ผมสามารถทำได้สำเร็จ การเดินทางไม่มีอะไรน่าเหลือเชื่อเลย ยูเอส โอเพ่น จะเป็นงานสุดท้ายของผม ถึงเวลาที่จะผูกเชือกรองเท้าลงสนามเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว”
ขณะที่ในนามทีมชาติสหรัฐอเมริกา อิสเนอร์ เคยประสบความสำเร็จด้วยการคว้าแชมป์เทนนิสทีมผสม ฮอฟแมน คัพ เมื่อปี 2011