การแข่งขันสนุกเกอร์ชิงแชมป์โลก รายการ “2025 ฮาโล เวิลด์ สนุกเกอร์ แชมเปี้ยนชิพ” ชิงเงินรางวัลรวม 2,395,000 ปอนด์ หรือราว 105 ล้านบาท ที่ครูซิเบิล เมืองเชฟฟิลด์ ประเทศอังกฤษ ล่าสุดเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ เป็นการพบกันระหว่าง จ้าว ซินถง มือสมัครเล่นจากจีน ที่เพิ่งพ้นโทษแบนจากคดีล็อกผลการแข่งขันมาไม่นาน ลงดวลกับ มาร์ก เจ วิลเลียมส์ มืออันดับ 6 ของโลกจากเวลส์ อดีตแชมป์รายการนี้ 3 สมัย ที่เพิ่งมีอายุครบ 50 ปี มาหมาดๆ
โดยเกมนี้ จ้าว ซินถง โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมขึ้นนำ มาร์ก วิลเลียมส์ 11-6 เฟรม หลังจบการแข่งขันวันแรกของรอบชิงชนะเลิศ โดยดาวรุ่งวัย 28 ปีจากจีน โชว์ฟอร์มสุดร้อนแรงในเซสชันแรก นำห่างถึง 7-1 เฟรม ก่อนที่ วิลเลียมส์ ซึ่งเคยคว้าแชมป์โลกมาแล้ว 3 สมัย และเป็นผู้เล่นอายุมากที่สุดที่เข้าชิงในยุคครูซิเบิล จะกลับมาสู้ได้ดีขึ้นในช่วงเย็น คว้า 5 เฟรมจาก 9 เฟรมในเซสชันที่สอง รวมถึงเฟรมที่ 17 อันตึงเครียด ซึ่งช่วยให้เขายังพอมีความหวังเมื่อการแข่งขันกลับมาเริ่มอีกครั้งในวันจันทร์
อย่างไรก็ตาม สถิติก็ไม่ได้อยู่ข้างนักแทงชาวเวลส์วัย 50 ปีนัก เพราะไม่เคยมีผู้เล่นคนใดที่สามารถพลิกสถานการณ์จากการตามหลังมากกว่าสี่เฟรมในวันแรกแล้วคว้าแชมป์โลกได้เลยในประวัติศาสตร์ของรายการ
สำหรับ จ้าว นี่คือโอกาสทองที่จะสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นชาวจีนคนแรกที่คว้าแชมป์โลก และยังเป็นนักแทงจากนอกสหราชอาณาจักรเพียงคนที่สามที่คว้าแชมป์นับตั้งแต่ปี 1997 โดยก่อนหน้านี้เขาเคยสร้างชื่อจากการคว้าแชมป์ UK Championship ปี 2021 แต่ภายหลังต้องถูกแบนยาวถึง 20 เดือนจากคดีล็อกผลการแข่งขันที่สั่นสะเทือนวงการสนุกเกอร์
ด้าน วิลเลียมส์ แม้จะเริ่มต้นได้ไม่ดีนัก และเสียสองเฟรมสำคัญในเฟรมที่ 6 และ 16 ซึ่งเขามีโอกาสคว้าเฟรมหลังทำเบรกเกิน 50 แต้ม แต่พลาดลูกตัดสินเฟรม ทำให้จ้าวสามารถเคลียร์โต๊ะและคว้าเฟรมไปได้ในจังหวะสุดท้าย อย่างไรก็ดี จ้าวเองก็ยังคงรักษาฟอร์มในระดับสูงไว้ได้ โดยเพิ่มเบรกระดับครึ่งร้อยอีกสี่ครั้งในเซสชันที่สอง รวมแล้วเขาสะสมเบรกใหญ่ในแมตช์นี้ไปแล้วถึง 77, 100, 57, 104, 83 และอีกหลายเฟรมที่มีมาตรฐานสูง
หากจ้าวสามารถคว้าแชมป์ได้สำเร็จ เขาจะกลายเป็นผู้เล่นสมัครเล่นคนแรกที่ชนะรายการนี้นับตั้งแต่การแข่งขันย้ายมาจัดที่เชฟฟิลด์ในปี 1977 และยังเป็นเพียงผู้เล่นคนที่สามที่คว้าแชมป์โลกในฐานะมือควอลิฟายต่อจาก เทอร์รี่ กริฟฟิธส์ และ ชอน เมอร์ฟี่ พร้อมคว้าเงินรางวัล 500,000 ปอนด์ หรือราว 21.9 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้เขาขยับขึ้นไปอยู่อันดับ 11 ของโลกทันทีเมื่อกลับเข้าสู่ทัวร์อาชีพอีกครั้งในฤดูกาลหน้า