ประวัตินักกีฬา

ลิซานโดร มาร์ติเนซ เดอะ บุตเชอร์ นักล่าบอล

ลิซานโดร มาร์ติเนซ เดอะ บุตเชอร์ นักล่าบอล

 ลิซานโดร มาร์ติเนซ เดอะ บุตเชอร์ นักล่าบอลหลังจากเข้ามาสู่ทีมก็กลายเป็นแข้งตัวหลัก และขวัญใจคนใหม่ของ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทันที สำหรับ ลิซานโดร มาร์ติเนซ ปราการหลังร่างเล็ก ที่ได้รับสมยาว่า “เดอะ บุตเชอร์”

 ลิซานโดร มาร์ติเนซ เกิดเมื่อวันที่ 18 มกราคม 1998 ที่ย่าน เอล โมลิโน เมือง กัวเลกวย ประเทศอาร์เจนตินา ครอบครัวของเขาค่อนข้างยากจน จนบางครั้งต้องอดมื้อกินมื้อ ทำให้เขามักจะเป็นคนที่เข้าใจในความโหดร้ายต่างๆที่เกิดขึ้น ทั้งยังเป็นคนที่จิตใจดี ช่วยเหลือคนที่ทุกข์ยากอยู่เสมอ

ลิซานโดร มาร์ติเนซ

 เมื่อครั้งยังเด็กความสุขเดียวในชีวิตที่แสนลำบากของ ลิซานโดร คือการได้ออกจากบ้านไปเตะฟุตบอล ในทุกๆที่ พร้อมกับการดูการเล่นของ กาเบรียล ไฮน์เซ ไอดอลของเขาเพื่อนำมาปรับปรุงฝีเท้าของตัวเอง

 แรกเริ่มเดิมทีนั้น ลิซานโดร ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะต้องเป็นนักเตะอาชีพแต่อย่างใด เขาแค่มีความสุขกับการได้เล่นฟุตบอล แต่แล้วในฟุตบอลโลก ปี 2006 ก็เป็นตัวจุดประกายให้ฟุตบอลเป็นความฝัน การเล่นของ คาร์ลอส เตเบซ ซึ่งเป็นนักเตะร่างเล็กที่โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในทัวร์นาเมนต์นี้ แม้สุดท้ายแล้ว อาร์เจนตินา จะตกรอบก่อนรองชนะเลิศก็ตาม แต่นั่นก็ได้สร้างแรงจูงใจบางอย่างให้กับเขา

 หลังจากนั้น 2 ปี ลิซานโดร ในวัย 8 ขวบ ก็ผ่านการทดสอบเข้าสู่อคาเดมีของ คลับ ลิเบอร์ตัด ได้สำเร็จ ก่อนที่จะบ่มเพาะฝีเท้าจนถึงอายุได้ 15 ปี ก็ย้ายไปสู่ นีเวลล์ โอล บอยส์ หนึ่งในสโมสรที่เด็กอาร์เจนตินา อยากร่วมทีมมากที่สุด เพราะเป็นสโมสรที่ปลุกปั้นสุดยอดอย่างนักเตะอย่าง ลิโอเนล เมสซี

 ด้วยพรสวรรค์ที่มี และความเรียบง่ายในตัว ทำให้ ลิซานโดร สามารปรับตัวเข้าได้กับทุกตำแหน่งที่โค้ชต้องการ ไม่นานเขาก็กลายเป็นนักเตะคนโปรด และเป็นนักเตะที่เล่นได้ดีที่สุดในทีม เขามีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม ทั้งยังเป็นกองหลังที่ทำประตูได้มากมาย

 แน่นอนว่าในช่วงเวลานี้ เริ่มมีแมวมองจากยุโรป มาทาบทามเขาบ้างแล้ว แต่ ลิซานโดร ตัดสินใจเล่นอยู่ในอาร์เจนตินาต่อ เพื่อพัฒนาฝีเท้าให้ดียิ่งกว่านี้ก่อน โดยเขาอยู่กับ นีเวลล์ โอลด์ บอยส์ จนถึงฤดูกาล 2017/18 ก็โดน ดีเฟนซา วาย จัสติเซีย ยืมตัวไปเล่น ก่อนจะซื้อขาดในซีซั่นต่อมา 

 หลังจากเล่นให้กับ ดีเฟนซา วาย จัสติเซีย ได้เพียงฤดูกาลเดียว ก็เป็น อาแจ็กซ์ ยักษ์ใหญ่จากเนเธอร์แลนด์ ที่แสดงความสนใจในตัว ลิซานโดร เพื่อไปเป็นตัวแทนของ มัทไธจ์ส เดอ ลิกต์ ที่ย้ายไปยูเวนตุส ในขณะนั้น ซึ่งครั้งนี้เขาตัดสินใจได้แล้วว่าถึงเวลาที่ต้องออกไปหาความท้าทายใหม่ จึงตกลงย้ายสู่ยุโรปในที่สุดด้วยค่าตัว 7 ล้านยูโร

 ช่วงแรกนั้นเป็นช่วงที่ยากลำบากอยู่เหมือนกัน ทั้งการปรับตัว และฟอร์มในสนาม เขาถูกจับไปเล่นมิดฟิลด์ตัวรับบ้าง ฟูลแบ๊กบ้าง และเซ็นเตอร์แบ๊กบ้าง บางครั้งก็ตกเป็นตัวสำรอง แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ทำงานออย่างหนักด้วยความมุ่งมั่น เมื่อได้ลงสนามก็กระตือรือร้นที่จะแย่งบอลจากคู่แข่งให้ได้ จนกลายเป็นคนก้าวร้าวเมื่อได้อยู่ในสนาม ทั้งที่จริงเพื่อนในอาแจ็กซ์ บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าปกติแล้ว ลิซานโดร จะเป็นคนขี้อาย สงบเสงี่ยม ขี้น้อยใจ และอ่อนไหวต่อความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้นในสังคม ซึ่งด้วยความก้าวร้าว และความฉลาดในการเล่น ทำให้เขาได้รับฉายาว่า “เดอะ บุตเชอร์” ณ ที่แห่งนี้

ลิซานโดร มาร์ติเนซ

 เจมส์ โรว์ กูรูฟุตบอลเนเธอร์แลนด์ เคยกล่าวถึง ลิซานโดร ว่า “เขาฉายแววทันที ที่ย้ายมาจาก ดีเฟนซา จุดเด่นที่เห็นได้ทันที คือ ความเยือกเย็นของเขาเวลาครองบอล ความมั่นใจตัวเองในการยืนเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ และการจ่ายบอลระยะใกล้ และไกล”

 ลิซานโดร มาร์ติเนซ ลงเล่นเป็นตัวหลักให้ อาแจ็กซ์อย่างต่อเนื่อง คว้าแชมป์ เอเรดิวิซี ลีก 2 สมัย ในฤดูกาล 2020/21, 2021/22 ก่อนที่ เอริก เตน ฮาก กุนซืออาแจ็กซ์ จะย้ายไป แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และหอบเอาเขาติดไปด้วยค่าตัว 49 ล้านยูโร

 เมื่อมาถึงเขากลายเป็นกองหลังตัวหลัก ที่ลงสนามอย่างต่อเนื่องทันที แรกๆนั้นเขาถูกวิจารณ์ในด้านลบ และต้องข้อสงสัยอย่างหนักเกี่ยวกับ ร่างกายที่เล็ก สูงเพียง 175 เซนติเมตร ว่าจะสามารถเล่นเป็นกองหลังในพรีเมียร์ ลีก ได้จริงหรอ แต่สุดท้ายแล้ว ด้วยความก้าวร้าว และมุ่งมั่นที่จะสกัดบอล อันเป็นนิสัยติดตัวของ “เดอะ บุตเชอร์” ทำให้เขากลายเป็นกองหลังที่สถิติดีที่สุดของ แมนฯ ยู ในฤดูกาลนี้ เลยทีเดียว

 “ผมถูกเรียกว่า คาร์นิเชโร (the Butcher) แห่งอัมสเตอร์ดัม เราชาวอาร์เจนตินาทำทุกอย่างด้วยแพสชัน และเมื่อผมลงสนาม ผมสู้ทุกจังหวะ หากผมต้องข้ามศพใคร ผมก็จะทำ ผมต้องการชนะในการแย่งบอล 50-50 เพราะผมรู้ว่าผมสู้เพื่อหาค่าอาหารสำหรับสมาชิกครอบครัวทุกคน และเพื่อนๆ นั่นคือความรู้สึกที่ติดตัวผม และชาวอาร์เจนตินาทุกคน มันเปรียบดั่งแรงกระตุ้นที่ผมอธิบายไม่ได้” ลิซานโดร กล่าว

 แน่นอนว่า ลิซานโดร มาร์ติเนซ ยังต้องพิสูจน์ตัวเองต่อไปในเวทีพรีเมียร์ ลีก เพราะฤดูกาลเพิ่งเริ่มเท่านั้น แต่ด้วยฟอร์มการเล่นที่เข้าถึงบอลทุกจังหวะ และทุ่มเทมากกว่าใครในทุกนัด ก็เพียงพอให้เข้าไปนั่งอยู่ในใจของแฟน ปีศาจแดง ทุกคนเรียบร้อย

Most Popular

To Top