การแข่งขันวอลเลย์บอลหญิง เอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 “หางโจวเกมส์” ที่สนามหางโจว นอร์มอล ยูนิเวอร์ซิตี้ คังเฉียน ยิมเนเซียม เมืองหางโจว ประเทศจีน เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2566 เป็นการแข่งขันในรอบชิงเหรียญทองแดง นักตบลูกยางสาวไทย ทีมอันดับ 13 ของโลก รองแชมป์เก่าเอเชี่ยนเกมส์ เมื่อปี 2018 ลงสนามพบกับ ทีมชาติเวียดนาม ทีมอันดับ 39 ของโลก
สำหรับในรอบรองชนะเลิศก่อนหน้านี้ ทัพนักตบลูกยางสาวไทย ลงแข่งตัดเชือกแพ้ เจ้าภาพจีน 0-3 เซต ขณะที่ เวียดนาม พ่ายให้กับ ญี่ปุ่น 1-3 เซ็ต อย่างไรก็ตาม ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของทีมวอลเลย์บอลหญิงเวียดนาม ที่สามารถผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศของมหกรรมกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ได้เป็นครั้งแรก ก่อนหล่นมาชิงเหรียญทองกับทีมสาวไทยในครั้งนี้
สถิติก่อนหน้านี้ที่ทีมวอลเลย์บอลหญิงไทยเคยเจอกับเวียดนาม 14 นัด ปรากฏว่า ทีมไทยคว้าชัยรวดทั้งหมด 14 นัด เก็บได้มากถึง 42 เซ็ต และเสียไปเพียง 3 เซ็ตเท่านั้น โดยเคยเจอกันในเอเชี่ยนเกมส์ 1 ครั้ง เมื่อปี 2018 ที่ประเทศอินโดนีเซีย และทีมไทยชนะไปได้ 3-0 เซ็ต ส่วนนัดล่าสุดเพิ่งเจอกันในศึกชิงแชมป์เอเชีย 2023 ที่ จ.นครราชสีมา ซึ่งก็เป็นทีมสาวไทย เอาชนะ เวียดนาม 3-1 เซ็ต ก่อนกรุยทางไปคว้าแชมป์เอเชีย สมัยที่ 3
เกมนี้ “โค้ชด่วน” นายดนัย ศรีวัชรเมธากุล หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมวอลเลย์บอลสาวไทยจัดทัพยึดผู้เล่นชุดเดิมส่งลงสนามเป็นชุดแรก ประกอบด้วย “ชมพู่” พรพรรณ เกิดปราชญ์, “แนน” ทัดดาว นึกแจ้ง, “เตย” หัตยา บำรุงสุข, “บีม” พิมพิชยา ก๊กรัมย์, “เพียว” อัจฉราพร คงยศ, “บุ๋มบิ๋ม” ชัชชุอร โมกศรี, โดยมีกัปตันทีมเป็น “แป้น” ปิยะนุช แป้นน้อย ทำหน้าที่เป็นตัวรับอิสระ
ผลการแข่งขันปรากฎว่า เกมนี้ โค้ชด่วน ยังคงส่งผู้เล่นชุดแรกเป็นตัวหลักชุดเดิมที่พ่าย ญี่ปุ่น และจีนลงสนาม มาเรียกความมั่นใจ และตบสาวไทยกลับมาโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม ช่วยกันโกยแต้ม ถล่มเอาชนะเวียดนาม 3-0 เซ็ต 25-19, 25-23 และ 25-20 แก้มือคว้าเหรียญทองแดงกลับประเทศไทยได้สำเร็จ เป็นเหรียญทองแดงเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 2 ของทีมวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทยอีกด้วย
หลังจบเกม “เพียว” อัจฉราพร คงยศ ดาวตบสาวไทย กล่าวว่า จากเกมก่อนหน้านี้ที่ข่าวออกไปว่ากดดัน แต่ที่จริงรู้สึกภูมิใจในตัวเพื่อนๆ ร่วมทีมก็เลยมีน้ำตาออกมา เพราะรู้สึกว่าทุกคนพยายามมากๆ ในสภาวะที่เหนื่อยล้า แต่ทุกคนพยายามทำออกมาให้ได้ที่สุด
“ใช่ค่ะ หนูภูมิใจในตัวเพื่อนๆ ส่วนความกดดันในครั้งนี้เราเรียนรู้อยู่กับความกดดันอยู่แล้ว ซึ่งตอนนี้ก็คงปลดล็อกไปแล้ว เพราะเราผ่านเหตุการณ์แบบนี้มาค่อนข้างเยอะแล้ว”
อัจฉราพร กล่าวอีกว่า การคว้าเหรียญทองแดงนี้ก็ดีใจ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นตามเป้าที่เราวางไว้ตั้งแต่แรกคือหวังเข้าชิง แต่ถึงจะทำไม่ได้ เราก็ยังได้เหรียญทองแดงกลับบ้าน ก็ถือว่าเป็นรางวัลให้กับพวกเรา และเพื่อนร่วมทีมทุกคนทั้งที่อยู่ที่นี่ และที่บ้านที่คอยช่วยซ้อมกับเรามา ตลอดปีนี้ไม่มีเวลาพัก แต่ก็ต้องอดทน เพราะเราเลือกทางนี้มาแล้ว หลังจากนี้ในวันที่ 11 ตุลาคม เตรียมจะเดินทางไปร่วมทีมสโมสรเอ็นอีซี เรด ร็อคเก็ตส์ แชมป์เก่าวอลเลย์บอลหญิงวี.ลีก ดิวิชัน 1 ประเทศญี่ปุ่น เพื่อเตรียมแข่งขันในฤดูกาล 2023-24
“ก็อยากขอบคุณทุกคนที่ติดตามพวกเรามาตลอดทั้งปี ในปีนี้มันมีเหตุการณ์หลากหลายมากๆ ทั้งดี ไม่ดี อาจจะสมหวังบ้าง ไม่สมหวังบ้าง แต่บางคนก็ยังเชื่อเรา ซัพพอร์ตเรา และให้กำลังใจเรา ก็อยากขอบคุณมากๆ ที่ยังอยู่ตรงนี้ และหนูมองว่าอยากให้ดูกีฬาให้เป็นกีฬา มีแพ้มีชนะ ทุกคนทำหน้าของตัวเองได้ดีมากๆ ไม่ว่าจะเป็นนักกีฬา หรือว่าโค้ช และทีมงานทุกคน ช่วยๆ ซัพพอร์ตกันนะคะ” อัจฉราพรกล่าวด้วยเสียงสั่นเคลือ