กำลังฟอร์มร้อนแรงแบบสุดๆสำหรับ วิกเตอร์ โอซิมเฮน ศูนย์หน้าวัย 24 ปี ทีมชาติไนจีเรีย ที่มีส่วนสำคัญในการผลิตสกอร์ ช่วยให้ นาโปลี ผลงานติดลมบนเข้าใกล้แชมป์ กัลโช เซเรีย อา ในฤดูกาลนี้
วิกเตอร์ เจมส์ โอซิมเฮน เกิดเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 1998 ที่กรุงลากอส ประเทศไนจีเรีย เขาเป็นน้องคนสุดท้องในจำนวนพี่น้องทั้งหมด 6 คนของครอบครัว ตอนเด็กๆนั้นต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก ต้องช่วยแม่หาบเร่ขายน้ำ และของใช้ในครัวเรือนตามท้องถนน เพื่อหาเงินเรียนหนังสือ และประทังความอยู่รอดของครอบครัว
โอซิมเฮน รู้จักและเริ่มเล่นฟุตบอลครั้งแรกในโรงเรียนประถม Olusosun ที่เขาเรียนอยู่ ทุกเย็นเขาจะรวมกลุ่มกับเด็กคนอื่นๆ เพื่อเล่นฟุตบอล และไปดูพี่ชายของเขาซึ่งเป็นนักเตะที่ได้รับความนิยมในท้องถิ่น และ โอซิมเฮน ก็ได้เรียนรู้ทักษะต่างๆจากพี่ชาย พร้อมกับมีทีม เชลซี ในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เป็นทีมที่ชื่นชอบ
พี่ชายคนโตของ โอซิมเฮน ต้องยอมลาออกจากโรงเรียน มาทำงาน เพื่อหาเงินให้น้องๆได้ประทังชีวิต และเมื่อเห็นว่า น้องชายคนสุดท้องอย่าง โอซิมเฮน มีความสามารถสูงในการเล่นฟุตบอล เขาจึงเลือกที่จะสนับสนุนน้องเต็มที่ ก่อนจะใช้เวลาไม่นานเมื่อมีแมวมองจาก Ultimate Strikers Academy ในลากอส มาทาบทามให้ โอซิมเฮน ไปคัดฝีเท้า
โอซิมเฮน แสดงศักยภาพที่น่าทึ่งและผ่านการคัดเลือกตั้งแต่ครั้งแรก ก่อนจะพัฒนาฝีเท้าขึ้นมาเรื่อยๆ และติดทีมชาติไนจีเรีย ชุดยู-17 ในปี 2014
ทีมชุดยู-17 ของไนจีเรีย ทีมนี้ถูกเรียกว่า Golden Eaglets ซึ่ง โอซิมเฮน ถือเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ทีมเข้าสู่รอบสุดท้ายฟุตบอลโลก ยู-17 ที่ชิลี ปี 2015 ก่อนที่เขาจะทำได้ 10 ประตูในทัวร์นาเมนต์นั้น คว้าตำแหน่งดาวซัลโว พร้อมกับพา ไนจีเรีย ผงาดคว้าแชมป์โลก ได้สำเร็จ
หลังจากจบฟุตบอลโลก อายุไม่เกิน 17 ปี แน่นอนสโมสรยักษ์ใหญ่ต่างรุมแย่งตัว โอซิมเฮน ยกใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น อาร์เซนอล, แมนฯ ซิตี้ และท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ แต่เขาก็ได้ปฏิเสธข้อเสนอทั้งหมด เพราะมีสโมสรแห่งหนึ่งเสนอเงินก้อนโตให้กับเขา
ไม่นานหลังจากที่เขาได้รับเลือกให้เป็นนักเตะเยาวชนแอฟริกันแห่งปี 2015 ที่งาน CAF Awards ในกรุงอาบูจาในเดือนมกราคม 2016 โอซิมเฮน ก็ได้ประกาศให้โลกรู้ว่าเขาจะสานต่อเส้นทางอาชีพของเขากับสโมสรโวล์ฟสบวร์ก ในบุนเดสลีกา เยอรมนี
อย่างไรก็ตามหลังจากย้ายมาเล่นในบุนเดสลีก้า ในปี 2017 ได้ 4 เดือน เขาก็เกิดอาการบาดเจ็บที่ไหล่ ทำให้ต้องเข้ารับการผ่าตัดซึ่งทำให้ฤดูกาลแรกของเขาจบลงก่อนเวลาอันควร
ฝันร้ายของ โอซิมเฮน ยังคงดำเนินต่อไปแม้จะหายจากอาการบาดเจ็บ แต่ก็ยังคงเหลือความเจ็บปวดอยู่ ทำให้เขาพลาดช่วงปรีซีซั่น และที่เจ็บปวดที่สุดคือการพลาดการคัดเลือกฟุตบอลโลกปี 2018 ของไนจีเรีย
โอซิมเฮน ใช้เวลาถึง 2 ฤดูกาลกว่าจะพ้นจากอาการเจ็บดังกล่าว แต่นั่นก็ได้ทำให้เขาไม่มีตำแหน่งในทีมโวล์ฟบวร์ก อีกต่อไป เขาได้ไปคัดฝีเท้ากับ ซูลเต วาเรเกม และ คลับ บรูกจ์ ในเบลเยี่ยม แต่ทั้งสองทีมก็ปฏิเสธเขา เนื่องจากโอซิมเฮน ล้มป่วยจากโรคมาเลเรีย อีกในช่วงนั้น แต่สุดท้ายก็เป็น ชาร์เลอรัว ทีมในเบลเยียม เช่นกันที่ขอยืมตัว เขาไปเล่นตลอดฤดูกาล 2018/19
เมื่อได้กลับมาลงสนามอีกครั้ง โอซิมเฮน ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม เขายิงได้ถึง 20 ประตู จากการลงสนาม 36 นัด ทำให้ ชาร์เลอรัว ตัดสินใจขอซื้อเขามาร่วมทีมเป็นการถาวร แต่สุดท้ายในฤดูกาล 2019/20 เขาเลือกที่จะย้ายไปยัง ลีลล์ ในลีกเอิง ฝรั่งเศส ที่ให้ความสนใจเขาเช่นกัน
โอซิมเฮน ยังคงยิงต่อเนื่องแม้ย้ายมาสู่ลีกเอิง ทั้งยังทำผลงานในยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ได้อย่างโดดเด่น โดยทำไปถึง 18 ประตูจาก 38 นัด รวมทุกรายการ ทั้งยังเข้าชิงรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของแอฟริกาอีกด้วย ทำให้ฤดูกาล 2020/21 นาโปลี ยอมทุ่มเงินถึง 70 ล้านยูโร และอาจบวกเพิ่มอีก 10 ล้านยูโร คว้าตัวเขามาร่วมทีม และทำให้เขากลายเป็นนักเตะ แอฟริกันที่แพงที่สุดในปัจจุบัน
2 ฤดูกาลที่ผ่านมา โอซิมเฮน เล่นได้อย่างคุ้มค่าเงินแบบสุดๆ เขาทำประตูต่อเนื่องให้กับ นาโปลี โดยปีแรก ยิงไป 10 ประตู จากนั้นในปีต่อมายิงอีก 18 ประตู ขณะที่ฤดูกาลปัจจุบัน ก็กำลังระเบิดฟอร์ม ยิงไปแล้ว 17 ประตู จากการลงสนามเพียง 21 นัดรวมทุกรายการ และใกล้จะพานาโปลี คว้าแชมป์เซเรีย อา อีกด้วย
น่าทึ่งจริงๆสำหรับ โอซิมเฮน ที่พัฒนาตัวเองจากนักเตะที่เจ็บออดๆแอดๆ และไม่ได้ลงเล่นเกือบ 2 ฤดูกาล มาสู่จอมถล่มประตูระดับโลกที่ประสบความสำเร็จ และเป็นที่ต้องการตัวของหลายทีมในเวลานี้่