ซีอีโอขององค์กรนานาชาติเพื่อความโปร่งใสในกีฬาเทนนิส (ไอทีไอเอ) ซึ่งรับผิดชอบเรื่องการควบคุมการใช้สารต้องห้ามในวงการเทนนิสโลก กล่าวถึงกรณีที่สองนักเทนนิสชั้นนำของโลก คือ ยานนิก ซินเนอร์ มือ 1 โลกชายชาวอิตาเลียน กับอิกา สเวียเต็ก มือ 2 โลกหญิงชาวโปแลนด์ ไม่ผ่านการตรวจสารต้องห้ามในปีนี้ว่า สิ่งสำคัญคือการสร้างสมดุลที่เหมาะสม ทางหนึ่งไม่อยากให้นักเทนนิสตื่นตระหนกกับเรื่องนี้
โดย ซินเนอร์ และสเวียเต็ก เจอปัญหาเรื่องการตรวจสารกระตุ้น หรือโด๊ปไม่ผ่าน อย่างไรก็ตามทั้ง 2 คนเจอบทลงโทษที่แตกต่างกัน เนื่องจากหวดชายมือ 1 โลกไม่ต้องถูกแบน ส่วนหสดหญิงมือ 2 โลกถูกแบนเป็นเวลา 1 เดือน
ล่าสุด คาเรน มัวร์เฮาส์ ซีอีโอของ ไอทีไอเอ กล่าวถึงเคสการตรวจโด๊ปไม่ผ่านของนักเทนนิสทั้ง 2 รายว่า “ฉันอยากให้ตระหนักถึงปัญหาและระมัดระวัง มาตรการควบคุมสารต้องห้ามนั้นมีไว้เพื่อย้ำความรับผิดชอบของนักเทนนิส ให้แน่ใจว่าจะไม่ละเมิดกฎ ซึ่งผลที่จากเคสต่างๆ ในปีนี้ทำให้นักกีฬาตื่นตัว กลับมาหยุดคิดว่าอาหารเสริมหรือสารต่างๆ ที่ใช้อยู่ทุกวันนี้จำเป็นกับตัวเองหรือไม่ หรือมีอะไรที่ดีกว่าที่ควรใช้เพื่อไม่ให้ตัวเองทำผิดหรือเปล่า จึงมองว่านี่เป็นผลลัพธ์ที่ดี”
ซีอีโอไอทีไอเอกล่าวต่อว่า “ฉันไม่อยากให้นักเทนนิสเกิดความตื่นกลัว แต่อยากให้ตระหนักถึงหน้าที่ของตัวเองในการทำตามกฎ ขณะเดียวกันก็อยากให้นักกีฬารับทราบถึงบทบาทหน้าที่ขององค์กรของเรา ทุกๆ ปี องค์การต่อต้านสารต้องห้ามโลก (วาด้า) จะอัพเดตข้อมูลเรื่องสารต้องห้าม อาจจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก”
“นักกีฬาทุกคนสามารถหาข้อมูลได้ เราจะส่งข้อมูลใหม่ให้นักกีฬาในเดือนธันวาคม เพื่อให้แน่ใจว่านักเทนนิสรับทราบเรื่องนี้ เพราะนักกีฬามีหน้าที่ต้องรับผิดชอบสิ่งที่รับเข้าสู่ร่างกาย ดังนั้น เมื่อคุณไม่ผ่านการตรวจสารต้องห้าม ก็ต้องอธิบายให้ได้ว่าทำไม”
ทั้งนี้ ไอทีไอเอ โดนวิจารณ์จากนักเทนนิสทั้งอดีตและปัจจุบันจำนวนมากกรณีการรับมือกับสถานการณ์ของ ซินเนอร์ และ สเวียเต็ก ที่อาจโดนมองว่าสองมาตรฐาน เนื่องจากดำเนินการอย่างรวดเร็ว และมีโทษสถานเบาโดยยอมรับคำอธิบายของทั้งคู่ว่าเป็นการรับสารโดยไม่ตั้งใจต่างจากนักเทนนิสรายอื่นๆ เช่นกรณีของ ซิโมนา ฮาเล็ป ที่โดนแบนยาวไปกว่า 4 ปี ก่อนจะได้รับการลดหย่อนเหลือ 9 เดือน
