กำลังเรียกฟอร์มเพื่อให้กลับมาคืนชีพอีกครั้งสำหรับ อันซู ฟาติ ยอดนักเตะที่เคยถูกยกย่องให้เป็นดาวรุ่งพรสวรรค์ ที่จะขึ้นมาทดแทน ลิโอเนล เมสซี่ ในบาร์เซโลนา แต่สุดท้ายโดนอาการบาดเจ็บเล่นงาน จนไม่สามารถกลับมาสู่ฟอร์มที่ดีได้
อันส์ซูมาเน ฟาติ วิเอรา เกิดเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2002 ที่เมือง บิสเซา ประเทศกินี ตั้งแต่เขาเกิดมา ก็อยู่กับคุณแม่เท่านั้น เนื่องจากพ่อของเขาจำเป็นต้องออกจากบ้านไปทำงานที่ต่างแดน ทั้งโปรตุเกส และประเทศสเปน ก่อนที่เขาจะอายุได้ 6 ขวบ คุณพ่อของ ฟาติ ก็กลับมาพาเขา และครอบครัวไปอยู่ในเมืองเล็ก ๆ ที่แคว้นอันดาลูเซีย พร้อมทำงานทุกอย่างที่หาได้ ทั้งพนักงานบนรถไฟ พนักงานเสิร์ฟ พนักงานเก็บขยะ และช่างก่ออิฐ
ฟาติ เคยพูดถึงผู้เป็นพ่อไว้ว่า “ตั้งแต่เขาจากไป ผมคิดว่าเขาคงจะลืมพวกเราไปแล้ว แต่ไม่ใช่ เขาเสียสละทำงานอย่างหนักเพื่อพาพวกเรามาที่ยุโรป“
ในปี 2006 ฟาติ ได้เจอพ่อของเขาครั้งแรกที่สนามบินในเมืองเซบีญา หลังจากที่ก่อนหน้านี้เขารู้จักพ่อผ่านเอสาร รูปถ่าย และการพูดคุยผ่านโทรศัพท์เท่านั้น
แม้จะต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ครอบครัวของฟาติ ก็มีเพื่อนบ้านที่ค่อยช่วยเรื่องต่าง ๆ อยู่บ่อยครั้ง อีกทั้งที่โรงเรียนฟาติ ยังถูกจัดให้ไปเรียนชั้นเดียวกับเด็กในวัยกำลังพัฒนา เพราะเขาไม่สามารถเข้าใจภาษาได้ แต่เขาใช้เวลาปรับตัวไม่นาน ด้วยการเล่นฟุตบอลกับเพื่อนใหม่ในชุมชน ซึ่งเป็นกิจกรรมสันทนาการเพียงอย่างเดียวที่เคยทำ
ที่ศูนย์การกีฬาของเทศบาล เด็ก ๆ ในท้องถิ่นจะมารวมตัวกัน เพื่อเล่นฟุตบอล รวมถึง ฟาติ ด้วย ในตอนแรกไม่มีใครรู้ถึงความสามารถของเขา แต่คนสุดท้ายที่รู้เรื่องความสามารถนี้กลับเป็นพ่อของเขาเอง
เหตุการณ์ในวันนั้น เกิดขึ้นขณะที่พ่อของ ฟาติ กำลังกลับจากที่ทำงาน ได้มีกลุ่มเพื่อนบ้านและเด็ก ๆ มารอเขาที่หน้าประตูเพื่อพาไปดูความมหัศจรรย์ของลูกตัวเอง หลังจากนั้น พ่อก็สนับสนุน ฟาติ เต็มที่ ทั้งผลักทั้งดันไปเล่นตามรายการต่างๆของเด็ก จนกระทั่งปี 2010 ฟาติ ได้เซ็นต์สัญญาเข้าเป็นนักเตะเยาวชนของ เซบีญา ด้วยวัยเพียง 8 ขวบ
ฟาติ ถูกฟูมฟักอย่างดีโดย เซบีญา และได้รับการติดต่อจากทีมยักษ์ใหญ่ของลีกสเปนอย่าง เรอัล มาดริด และบาร์เซโลนา ตอนแรก ฟาติ ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเลือกทีมไหน แต่ มาร์ก เซอร์รา โค้ชคนแรกสอนให้เขาเลือกที่จะอยู่ในสภาพแวดล้อมรอบตัว ที่เอื้อให้เขามีสมาธิกับฟุตบอลได้มากที่สุด
เมื่อคิดได้ดังนั้น ฟาติ เลือกที่จะไป ลา มาเซีย ศูนย์ฝึกอันโด่งดังของ บาร์เซโลนา เพราะเชื่อว่ามีสิ่งแวดล้อมที่เหมาะกับตัวเองมากกว่า อย่างไรก็ตาม ฟาติ ยังไม่สามารถลงเล่นให้ต้นสังกัดใหม่ได้ เนื่องจาก บาร์เซโลนา ถูกฟีฟ่า แบนจากตลาดซื้อขาดปี 2014 นั่นเอง
กระทั่ง วันที่ 24 กรกฎาคม 2019 ฟาติ ก็ได้สัญญานักเตะอาชีพครั้งแรก และในวัยเพียง 16 ปี 298 วัน เจ้าหนูคนนี่ก็ได้ลงสนามให้ทีมชุดใหญ่ ฐานะตัวสำรอง ในช่วงท้ายของเกมของเกมที่บาร์เซโลน่า เปิดบ้านชนะ เรอัล เบติส 5-2
ต่อมาในฤดูกาล 2020-21 ฟาติ ในเลื่อนขึ้นสู่ชุดใหญ่อย่างเต็มตัว เขาใช้เวลาเพียงเกมเดียวก็สามารถทำได้ 2 ประตู พา บาร์ซา บุกชนะบียาร์รีล 4-0 และอีกประตูเกิดขึ้นในเกมชนะเซลตา บีโก 3-0
หลังได้สัญชาติสเปนเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2019 ไม่นานนัก ฟาติ ก็ได้ลงเล่นให้ทีมชาติสเปนชุดใหญ่ ในเกมที่ สเปน เสมอกับ เยอรมนี 1-1 โดยเจ้าตัวถูกเปลี่ยนตัวลงในท้ายของเกม
3 วันถัดมา ฟาติ สามารถทำประตูแรกในเสื้อทีมชาติได้ ในเกมที่สเปน ลงสนามพบกับยูเครน ซึ่งประตูนี้ส่งให้เขาเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดที่สามารถทำประตูให้ทีมชาติสเปน ได้ ด้วยวัย 17 ปี 311 วัน
ด้วยพรสวรรค์มากมาย ทำให้ทุกสื่อ และทุกสายตาจับจ้องมาที่เขา เรียกได้ว่าชื่อเสียงของเขา โด่งดังรวดเร็ว ยิ่งกว่าสมัยของ ลิโอเนล เมสซี ในช่วงแจ้งเกิดใหม่ๆ เสียอีก และเมื่อ ลิโอเนล เมสซี่ จากสโมสรไป บาร์เซโลนา ก็ยังมอบเสื้อหมายเลข 10 ให้กับเขาด้วย
แต่แล้ววันเวลาอันแสนสดใส ก็ผ่านไปเร็วเหลือเกิน เมื่อ อันซู ฟาติ ต้องพบกับฝันร้าย เขาได้รับบาดเจ็บรุนแรง ที่หัวเข่าซ้าย และจุดพลิกผันอยู่ที่การตัดสินใจในการรักษาซึ่งปกติแล้วในกรณีแบบนี้ควรจะมีการผ่าตัดเปลี่ยนทั้งหมด แต่แพทย์กลับเลือกที่จะเย็บส่วนที่ขาดเข้าด้วยกัน ก่อนที่จะมีข่าวว่าบาร์ซาได้พยายามเร่งให้ฟาติหายกลับมาโดยเร่งกระบวนการฟื้นฟูร่างกายเป็น 2 เท่า
ผลสุดท้ายคือเข่าของเขาเกิดติดเชื้อ และหลังจากที่หายจากการติดเชื้อในช่วงต้นปี 2021 ก็พบว่าส่วนที่เย็บติดกันไว้ไม่ช่วยให้หายจากอาการบาดเจ็บได้ขาด สุดท้ายก็ต้องเข้ารับการผ่าตัดใหม่อีกรอบอีกครั้ง และก็นำไปสู่ความยุ่งยากครั้งที่ 2
เพราะทางเลือกที่ควรจะทำคือการผ่าเอาหมอนรองกระดูกออกไปทั้งหมด แต่ด้วยความกังวลเรื่องปัญหาอาการบาดเจ็บระยะยาว ฟาติ ไม่ขอทำตามคำแนะนำของสโมสร เขาขอให้แพทย์เย็บติดเข้าด้วยกันเป็นครั้งที่ 2 ด้วยความหวังว่ามันจะดีขึ้น
แต่สุดท้ายมันยังไม่ดีขึ้นและต้องเข้ารับผ่าตัดซ้ำอีกเป็นครั้งที่ 3 ซึ่งก็ไม่ได้ช่วยให้หายจากการบาดเจ็บ สุดท้ายเขาขอเปลี่ยนตัวศัลยแพทย์ที่ทำการผ่าตัด 3 ครั้งแล้วล้มเหลว และเดิมพันกับการผ่าตัดครั้งที่ 4 ซึ่งคราวนี้เขายอมทำตามคำแนะนำจากทุกฝ่ายด้วยการเอาหมอนรองกระดูกออกไปทั้งหมด แต่นั่นหมายถึงการที่เขาต้องระมัดระวังเข่าของเขาอย่างดี รวมถึงสร้างกล้ามเนื้อรอบหัวเข่าเพื่อหลีกเลี่ยงอาการบาดเจ็บในอนาคต
สรุปแล้วเด็กอายุแค่ 18 ปีต้องผ่าตัดเข่าถึง 4 ครั้งในระยะเวลาห่างกันแค่ 6 เดือน
ผลของการเดิมพันครั้งนี้ออกมาดี ฟาติค่อยๆ ฟื้นตัวและกลับมาลงสนามให้บาร์ซาได้อีกครั้งในอีก 4 เดือนถัดมา ก่อนจะต่อสัญญายาวในเดือนตุลาคม โดยได้รับค่าเหนื่อยสูงถึงสัปดาห์ละ 200,000 ยูโรต่อสัปดาห์ และมีการระบุค่าปลดสัญญาเอาไว้สูงถึง 1 พันล้านยูโร
ใน 6 นัดแรกหลังกลับมาฟาติทำได้ 2 ประตู ซึ่งทุกอย่างเหมือนน่าจะดีขึ้น แต่ในเวลาไม่นานก็เกิดบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อต้นขาขึ้นมา ซึ่งอาการบาดเจ็บครั้งนี้ทำให้เขาต้องพักการเล่นนานถึง 2 เดือนด้วยกัน
หลังจากนั้น ฟาติ ก็ยังมีอาการบาดเจ็บตามรบกวนเรื่อยๆ ทำให้เขาไม่สามารถกลับมาสู่ฟอร์มที่ดีได้ และหลังจากนั้นก็มีอาการบาดเจ็บตามรังควานเรื่อยๆ ทำให้ยังไม่สามารถกลับมาปักหลักยืนระยะได้เหมือนเดิม แม้ว่าในหลายครั้งของการกลับมาจะทำได้ดีก็ตาม
กระทั่ง ฤดูกาล 2023/24 ฟาติ ที่ต้องตกเป็นสำรอง อยู่บ่อยครั้ง และสโมสรก็ประสบกับปัญหาการเงิน ทำให้ สุดท้ายต้องปล่อยให้ ฟาติ ไปอยู่กับ ไบรตัน ในสัญญายืมตัว แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ได้รับตำแหน่งตัวจริง เป็นเพียงแค่ผู้เล่นสำรอง ที่ใช้ลงมาเปลี่ยนเกมเท่านั้น โดยลงสนามไป 24 นัด ยิงไป 4 ประตู
ในฤดูกาล 2024/25 ฟาติ ต้องกลับมายัง บาร์เซโลนา อีกครั้ง โดยครั้งนี้อยู่กับนายใหม่ที่ชื่อ ฮันซี ฟลิกซ์ ซึ่งเขาก็เริ่มที่จะได้รับโอกาสลงสนาม และเริ่มกลับมามีฟอร์มที่ดีอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ยังต้องดูกันระยะยาวว่า ฟาติ จะกลับมาอยู่ในจุดที่ควรจะเป็นได้หรือไม่ รวมถึงอาการบาดเจ็บเรื้อรังของเขาว่าจะดีขึ้น หรือ สมบูรณ์มากน้อยแค่ไหน