หากพูดถึงดาวเด่นในแดนหน้าของทีมชาตินอร์เวย์ หลายคนคงนึกถึง เออร์ลิง เบราต์ ฮาลันด์ ดาวยิงจอมถล่มประตูที่กำลังฟอร์มแรงสุดๆในเวลานี้ แต่อีกคนที่คอยเป็นเสมือนคู่หูในแดนหน้า และพังประตูในระดับทีมชาติ จนน่าชื่นชมไม่แพ้กันนั่นคือ อเลซานเดอร์ ซอร์ลอธ
อเลซานเดอร์ ซอร์ลอธ เกิดเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 1995 ที่เมือง ทรอนด์ฮาม ประเทศนอร์เวย์ เขาเป็นลูกชายของอดีตนักเตะทีมชาตินอร์เวย์อย่าง โกรัน ซอร์ลอธ ทำให้สมัยเด็กนั้นเขาเป็นคนที่โดดเด่นในเรื่องของกีฬา เล่นทั้ง สเก็ตน้ำแข็ง แฮนด์บอล และที่สืบสายเลือดโดยตรงเลยนั่นก็คือ ฟุตบอล
เขาเลือกที่จะเดินตามเส้นทางของพ่อ ซึ่งถือเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา โดยสมัครเข้าเป็นนักเตะเยาวชนของ โรเซนบอร์ก ตั้งแต่เด็ก จนอายุ 17 ปี ก็ได้ก้าวขึ้นสู่ทีมสำรองของ โรเซนบอร์ก
ซอร์ลอธ เป็นกองหน้าที่รูปร่างใหญ่ และเล่นลูกกลางอากาศได้ดี แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือเขาเป็นนักเตะที่สามารถเล่นบอลกับพื้น เลี้ยงกินตัวคู่ต่อสู้ได้ดีอีกด้วย อย่างไรก็ตามหลังจากค่อยๆได้รับโอกาสลงให้กับทีมชุดใหญ่ของโรเซนบอร์ก อยู่ 3 ปี เขาก็ถูกปล่อยตัวให้ โบโดกริมต์ ยืมตัวไปใช้งานในปี 2015 และนั่นทำให้เขาผิดหวังอย่างมาก
“ผมมีโอกาสที่จะแสดงให้โรเซนบอร์กเห็นว่าฉันดีแค่ไหน แต่ผมทำไม่สำเร็จ และผมย้ายไปที่โบโด ผมอาศัยอยู่ในอพาร์ทเมนต์ที่เศร้าและมืดมน ผมไม่คิดจะเล่นด้วยซ้ำ”
โชคดีที่ ซอร์ลอธ ได้รับกำลังใจ และแรงบันดาลใจจากพ่อของเขาที่เข้ามาพูดคุยเปลี่ยนทัศนคติ จนตัดสินใจไม่ยอมแพ้ เป็นผลทำให้เขามีฤดูกาลที่ไม่ธรรมดากับโบโดกริมต์ ยิงไปถึง 14 ประตูจาก 29 นัด
ด้วยฟอร์มอันร้อนแรงนี้ทำให้เขาได้ย้ายไปเล่นกับ โกรนิงเกน ในลีกเนเธอร์แลนด์ ในฤดูกาลต่อมา ก่อนจะไปเล่นกับ มิดทิลแลนด์ ในลีกเดนมาร์ก ในฤดูกาล 2017/18 และถูก คริสตัล พาเลซ คว้าตัวไปเล่นในครึ่งหลังของฤดูกาล 2017/18
อย่างไรก็ตาม ซอร์ลอธ ไม่สามารถสอดแทรกในการเป็นตัวจริงได้ เขาได้เล่นพรีเมียร์ลีก 16 นัดเท่านั้นในช่วงเกือบ 2 ฤดูกาล สุดท้ายก็ถูกปล่อยตัวให้ เกงต์ ในลีกเบลเยียม ยืมตัวไปใช้งานช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล 2018/19 เพื่อโอกาสในการลงเล่นอย่างต่อเนื่อง
หลังจากนั้น ซอร์ลอธ ยังถูก แทรบซอนสปอร์ ยืมตัวไปใช้งานในฤดูกาล 2019/20 ซึ่งที่แห่งนี้เขากลับมามีฟอร์มที่ดีอีกครั้ง ยิงประตูเป็นว่าเล่น ทำได้ 33 ประตูจาก 49 นัด ทำให้ อาร์เบ ไลป์ซิก ตัดสินใจคว้าตัวเขามาเสริมทัพเป็นการถาวร
แต่การเล่นในบุนเดสลีก้า ถือเป็นลีกที่ยาก และต้องใช้เวลาปรับตัว ซึ่ง ซอร์ลอธ มีเวลาเพียงฤดูกาลเดียว ก็ถูกทีมปล่อยให้ เรอัล โซเซียดัด ในลาลีก้า สเปนยืมตัวไปใช้งาน แต่กระนั้นก็ค่อยๆเรียกฟอร์มเก่งกลับมา ด้วยการยิงไปแล้ว 17 ประตูจาก 63 นัดที่ลงแข่งขัน
ส่วนในระดับทีมชาติเขาติดชุดใหญ่มาตั้งแต่ปี 2016 ปัจจุบันยิงไปแล้ว 15 ประตูจาก 45 นัดที่ลงเล่น ทั้งยังเป็นกำลังหลักสำคัญร่วมกับ ฮาลันด์ และ มาร์ติน โอเดการ์ด ในทีมชาตินอร์เวย์เวลานี้
แม้หลายคนอาจจะมองข้ามก็ตาม แต่จะเห็นว่า ซอร์ลอธ ผ่านการเล่นมากับหลายสโมสรเหลือเกิน อาจจะมีฟอร์มดีบ้าง แย่บ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่เขามีคือประสบการณ์ในการค้าแข้งในหลากหลายประเทศ นั่นทำให้เขากลายเป็นศูนย์หน้าที่ไว้ใจได้ และสามารถปรับตัวได้กับทุกสถานการณ์