ประวัตินักกีฬา

ก่อนอำลา! ย้อนความสำเร็จ เคลาดิโอ รานิเอรี กุนซือผู้สร้างประวัติศาสตร์แห่งโลกฟุตบอล

เคลาดิโอ รานิเอรี

เคลาดิโอ รานิเอรี ถือเป็นหนึ่งในกุนซือที่มากประสบการณ์ที่สุดในวงการฟุตบอล และยังคงเป็นชื่อที่แฟนบอลทั่วโลกจดจำได้ โดยเฉพาะกับการสร้างปาฏิหาริย์ให้กับเลสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ได้แบบสุดเซอร์ไพรส์ อย่างไรก็ตามฤดูกาลนี้ จะเป็นฤดูกาลสุดท้ายที่เขาจะทำงานอยู่ในวงการฟุตบอลแล้ว เพราะเจ้าตัวออกมาประกาศรีไทร์ เรียบร้อย

เคลาดิโอ รานิเอรี เกิดเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม ค.ศ. 1951 ในกรุงโรม ประเทศอิตาลี เขาเริ่มต้นเส้นทางฟุตบอลในฐานะนักเตะ โดยเล่นตำแหน่งกองหลังให้กับ โรม่า คาตานซาโร คาตาเนีย และปาแลร์โม ก่อนจะผันตัวมาเป็นผู้จัดการทีมในปี 1986 โดยงานแรกของเขาคือการคุมทีมวิกอร์ ลาเมเซีย สโมสรเล็ก ๆ ในเซเรีย ซี 

 ต่อมาเขาได้รับโอกาสคุมทีมปูเทโอลานา ช่วงปี  1987-1988 และกายารี ช่วงปี 1988-1991 ซึ่งเขาสามารถพากายารีเลื่อนชั้นจากเซเรีย ซี ไปถึงเซเรีย อา ภายในระยะเวลา 3 ปี ความสำเร็จนี้ทำให้เขาเริ่มเป็นที่รู้จักในวงการฟุตบอลอิตาลี

 ในปี 1991 รานิเอรี ได้คุมทีมนาโปลี ซึ่งเขาช่วยให้ทีมจบอันดับกลางตารางเซเรีย อา แม้จะไม่ได้สร้างผลงานโดดเด่น แต่ในปี 1993 เขาย้ายไปคุมทีมฟิออเรนตินา ที่นี่เขาประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยพาทีมคว้าแชมป์เซเรีย บี ในปี 1994 และคว้าแชมป์โคปปา อิตาเลีย และซูเปอร์โคปปา อิตาเลีย ในปี 1996

จากนั้นรานิเอรีย้ายออกนอกประเทศ โดยในปี 1997 เขาเข้ารับตำแหน่งผู้จัดการทีมบาเลนเซีย ในลาลีกาสเปน และพาทีมคว้าแชมป์โคปา เดล เรย์ ในปี 1999 รวมถึงพาทีมกลับไปเล่นในยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก หลังจากนั้นเขาย้ายไปคุมทีมแอตเลติโก มาดริด ในปี 1999 แต่ต้องออกจากตำแหน่งในปี 2000 เนื่องจากปัญหาการเงินของสโมสร

ในปี 2000 รานิเอรี ย้ายมาคุมทีมเชลซีในพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ที่นี่เขาใช้เวลา 4 ปีในการสร้างทีมที่แข็งแกร่ง โดยเซ็นสัญญากับนักเตะคนสำคัญหลายคน เช่น แฟรงก์ แลมพาร์ด และจอห์น เทอร์รี แม้ว่าเขาจะไม่ได้คว้าแชมป์กับเชลซี แต่ก็วางรากฐานสำคัญให้กับความสำเร็จของสโมสรในยุคถัดมา 

 หลังออกจากเชลซี รานิเอรีกลับไปคุมทีมบาเลนเซียอีกครั้งในปี 2004-2005 แต่ผลงานไม่เป็นไปตามคาดหวัง

เคลาดิโอ รานิเอรี

 ต่อมา ในช่วงปี 2007-2009 รานิเอรีกลับมาคุมทีมในอิตาลี โดยเขาพาปาร์มา รอดตกชั้นในปี 2007 จากนั้นรับตำแหน่งผู้จัดการทีมยูเวนตุสในปี 2007-2009 และพาทีมจบในอันดับท็อป 3 ของเซเรีย อา ต่อมาก็คุมทีมโรม่า ช่วงปี 2009-2011 และเกือบพาทีมคว้าแชมป์เซเรีย อาในฤดูกาล 2009-2010 แต่พลาดไปเพียงคะแนนเดียว

 ในปี 2012 รานิเอรีรับงานคุมทีมโมนาโก ในฝรั่งเศส และพาทีมเลื่อนชั้นจากลีก เดอซ์ กลับสู่ลีกเอิงในฤดูกาล 2012-2013 โดยในฤดูกาลถัดมา เขานำทีมจบอันดับที่ 2 ของลีกเอิง ก่อนจะถูกปลดในปี 2014 จากนั้นเขารับตำแหน่งผู้จัดการทีมชาติกรีซในปีเดียวกัน แต่ไม่ประสบความสำเร็จ

จุดสูงสุดในอาชีพของรานิเอรีมาถึงในปี 2015 เมื่อเขาได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้จัดการทีมเลสเตอร์ ซิตี้ ก่อนที่เขา จะพาทีมสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2015-2016 ซึ่งถือเป็นหนึ่งในปาฏิหาริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในวงการฟุตบอลโลก พร้อมกับที่เขาได้รับรางวัลผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของฟีฟ่าในปีนั้น

 หลังจากคว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีก นักเตะหลักๆในเลสเตอร์ ซิตี้ ตอนนั้นก็เริ่มแยกย้ายออกจากทีม ทำให้ฟอร์มโดยรวมของเลสเตอร์ ซิตี้ ตกลงอย่างน่าใจหาย ทำให้สุดท้าย รานิเอรี ต้องแยกทางกับเลสเตอร์ไป 

 หลังจากนั้น รานิเอรี ยังไปคุมอีกหลายสโมสร อาทิ น็องต์ (2017-2018), ฟูแล่ม (2018-2019), และซามพ์โดเรีย (2019-2021) ก่อนจะกลับมาคุมทีมวัตฟอร์ดในพรีเมียร์ลีกในปี 2021-2022 แต่ก็ไม่สามารถช่วยทีมรอดตกชั้นได้

 ในปี 2023 รานิเอรี กลับมาคุมทีมกายารีอีกครั้ง และพาทีมเลื่อนชั้นสู่เซเรีย อา ในฤดูกาล 2023-2024 หลังจบฤดูกาล เขาประกาศวางมือจากการคุมทีม แต่ในเดือนพฤศจิกายน 2024 รานิเอรี กลับมาตอบรับงานคุมทีมโรม่า เป็นครั้งที่สาม เพื่อช่วยสโมสรในช่วงวิกฤติ

 อย่างไรก็ตามล่าสุด รานิเอรี ได้ประกาศวางมือเรียบร้อยแล้ว โดยฤดูกาล 2024-25 จะเป็นปีสุดท้ายของเขาก่อน รีไทร์ 

 ทั้งหมดทั้งมวล เคลาดิโอ รานิเอรี จะเป็นกุนซือที่ถูกจดจำไปอีกนานแสนนาน กับการพาทีมเล็กๆ อย่างเลสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก รวมถึงในฐานะกุนซืออิตาลี ที่ประสบความสำเร็จที่สุดคนหนึ่ง

Click to comment

Leave a Reply

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Most Popular

To Top