ประวัตินักกีฬา

เฟเดริโก ดิมาร์โก แบ๊กจอมบุกผู้ไม่เคยเปลี่ยนใจไปจาก อินเตอร์ มิลาน

เฟเดริโก ดิมาร์โก

ฟอร์มดีขึ้นแบบดีวันดีคืนจริงๆ สำหรับ เฟเดริโก ดิมาร์โก แบ๊กซ้ายวัย 25 ปี ของอินเตอร์ มิลาน ที่ช่วยให้ทีมทะลุไปถึงรอบรองชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก รวมถึงยิง 1 ประตูเป็นส่วนสำคัญช่วยให้ทีมชาติอิตาลี คว้าอันดับ 3 ศึกเนชันส์ ลีก

 เฟเดริโก ดิมาร์โก เกิดเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 1997 ที่เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี  เขาเกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะปานกลาง โดยครอบครัวของเขาประกอบอาชีพค้าขายสินค้าเกษตร ประเภทผักและผลไม้ พร้อมกับเป็นแฟนตัวยงของเอซี มิลาน กันทั้งครอบครัว ทุกวันที่มีแมตช์แข่งขัน พวกเขาจะปิดร้านกันอย่างรวดเร็ว เพื่อไปชมเกมในสนามแบบพร้อมหน้า  อย่างไรก็ตาม ดิมาร์โก นั้นแตกต่างออกไป เขาเลือกที่จะเทใจไปให้ อินเตอร์ มิลาน คู่ปรับร่วมเมืองอีกทีม

 “ผมพาหลานชาย (เฟเดริโก ดิมาร์โก) ไปดู เอซี มิลาน ที่ ซาน ซีโร่ ตั้งแต่ 3 ขวบ เมื่อเกมเริ่มต้น พ่อแม่ของเขาก็ตื่นเต้นสุดๆ แต่หลานชายตัวดีของผมทำหน้าง่วงๆ จะหลับเฉยเลย” จูเซปเป ดิมาร์โก ลุงของเขาเล่าให้ฟังถึงความแสบในวัยเด็ก

 พ่อแม่ของ ดิมาร์โก ตั้งใจจะให้เขาสืบทอดกิจการขายผักผลไม้ แต่เขายืนกรานที่จะเป็นนักฟุตบอลอาชีพ และต้องเป็นนักฟุตบอลของ อินเตอร์ มิลานเท่านั้น ทำให้พ่อแม่ของเขาใจอ่อน หันมาสนับสนุนเขาแทน 

 “ลูกชายผมน่ะหรอ เขารู้ดีว่าให้มายืนขายผักผลไม้ยากกว่าการไปเตะบอลเยอะ แต่ผมก็สอนทักษะที่ผมทำ ให้เขามีทั้งสองอย่างไปเลย” จิอานนี่ ดิมาร์โก พ่อของดิมาร์โก กล่าวถึงลูกชาย

“ลูกชายผมเจ้าเล่ห์ ตอนประถมออกจากบ้านไปแต่เช้า ไปแอบซ้อมฟุตบอลกันเองก่อนเข้าเรียน คงเป็นวิถีและโชคชะตาของลู ๆ ผมล่ะมั้งที่ชีวิตมีแต่การฝึกซ้อมฟุตบอล”

 เมื่อเข้าสู่วัย 7 ขวบ ความฝันก้าวแรกของ ดิมาร์โก ก็ประสบความสำเร็จ เขาได้รับการทาบทามจาก อินเตอร์ มิลาน ทีมในดวงใจของเขาให้เข้าร่วมทีมเยาวชน 

 ที่แห่งนี้ ดิมาร์โก ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ลงเล่น และอยู่กับทีม เขายอมเปลี่ยนตำแหน่งจากริมเส้น ลงมายืนเป็นวิงแบ็กซ้าย และทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่เพียงเกมรับเท่านั้น แต่เกมรุกก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน บางปีเขายิงได้เยอะกว่าคนที่เล่นในแดนหน้าเสียอีก 

 พัฒนาการของเขาดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เขาถูกดันขึ้นไปเล่นในชุดยู-19 ตั้งแต่อายุยังไม่ครบ 16 ปี แถมยังทำผลงานในระดับทีมชาติ โดยพาทีมอิตาลี ยู-17 คว้ารองแชมป์ยุโรป จนสื่อต่างพากันชื่นชม

 ด้วยผลงานที่เกิดขึ้น ทำให้ฤดูกาล 2014-15 ในวัย 17 ปี เขาจึงถูกเรียกขึ้นไปซ้อมกับทีมชุดใหญ่ และประเดิมสนามในเกม ยูฟ่า ยูโรป้าลีก รอบแบ่งกลุ่ม ที่พบกับ คาราบัค โดยมีเวลาในสนามราว 5 นาที ก่อนที่จะมีโอกาสประเดิม เซเรีย อา ในเกมที่แพ้ ซาสซูโอโล่ คาบ้านไป 1-3

เฟเดริโก ดิมาร์โก

 ในฤดูกาลต่อมา อินเตอร์ มิลาน จำเป็นต้องปล่อยตัวเขาให้ทีมอื่นยืมตัวเพื่อหาประสบการณ์ โดย ดิมาร์โก ไปเล่นกับ อัสโคลี ฤดูกาล 2015/16 และ เอ็มโปลี ฤดูกาล 2016/17 แต่ถึงกระนั้นในฤดูกาล 2017/18 ที่เขากลับมายังอินเตอร์ มิลาน ดูเหมือนว่าทีมก็ยังไม่มีตำแหน่งให้เขาลงสนาม ประจวบกับ ซิยง ยอดทีมจากสวิตเซอร์แลนด์ ติดต่อเข้ามาขอซื้อในราคา 3.91 ล้านยูโร เขาจึงตกลงจากบ้านที่อยู่มานานกว่า 10 ปี เพื่อความก้าวหน้าในเส้นทางลูกหนัง 

 ดิมาร์โก ไปมีผลงานที่โดดเด่นกับ ซิยง ทำให้ฤดูกาล 2019/20 อินเตอร์ มิลาน ใช้ออฟชั่น ซื้อตัวเขาคืนในราคา 7 ล้านยูโร ทำให้เขากลับมายังบ้านเกิดอีกครั้ง 

 แต่ ดิมาร์โก ก็เหมือนจะยังโชคร้าย เพราะยังไม่ทันจะได้โอกาสลงสนามก็ดันมาบาดเจ็บต้องผ่าตัดกระดูกข้อต่อ ต้องพักแบบยาวๆ แถมในช่วงเวลานั้นทีมยังมี ควัดโว อซาโมอาห์ แบ็กซ้ายระดับตำนานของยูเวนตุส เข้ามาประคับประคองทีมได้แบบไม่เคอะเขิน แม้จะเลยช่วงพีกไปแล้วก็ตาม 

 เมื่อประเมินอย่างถี่ถ้วน อินเตอร์ มิลาน จึงได้ตัดสินใจปล่อย ดิมาร์โก ไปให้กับ ปาร์มา ยืมตัวพร้อมออปชั่นซื้อขาด จากนั้นยังปล่อยให้ เวโรนา ยืมตัวไปใช้งานต่ออีก ในฤดูกาล 2019/20 และ 2020/21 ก่อนจะกลับมายังอินเตอร์ มิลานอีกครั้ง ในฤดูกาล 2021/22 

 แต่ครั้งนี้ ดิมาร์โก กลับมาด้วยความพร้อมกว่าเดิม เขายึดตำแหน่งตัวจริงของทีมได้สำเร็จ พร้อมกับร่วมประสบความสำเร็จ คว้าแชมป์ โคปปา อิตาเลีย 2 สมัย, แชมป์ซูเปอร์โคปปา อิตาเลีย 2 สมัย และรองแชมป์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ฤดูกาลล่าสุด

 ขณะที่กับทีมชาติอิตาลี ชุดใหญ่ก็ถูกเรียกติดเมื่อปี 2022 ที่ผ่านมา และล่าสุดคว้าอันดับ 3 ฟุตบอลเนชันส์ ลีก 

 ด้วยฝีเท้า และฟอร์มการเล่นปัจจุบัน เชื่อว่า ดิมาร์โก จะสามารถยืนระยะ กับ อินเตอร์ มิลาน ได้อีกยาวๆ และแน่นอนว่าเขาจะทำมันได้ดี เพราะนี่คือทีมที่เขารัก และพร้อมจะกลับมาทุกครั้งที่ทีมเรียกหา

Click to comment

Leave a Reply

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Most Popular

To Top