ประวัตินักกีฬา

แดนนี ดริงค์วอเตอร์ แข้งที่ถูกลืม ผู้ร่วมสร้างตำนานแชมป์กับเลสเตอร์

แดนนี ดริงค์วอเตอร์ แข้งที่ถูกลืม

แม้จะอำลาสโมสรไปแล้ว แต่สำหรับ แดนนี ดริงค์วอเตอร์ ยังถือเป็นแข้งระดับตำนานของ เลสเตอร์ ซิตี้ อยู่เสมอ เพราะเขาคือหนึ่งในนักเตะคนสำคัญที่ทำให้ เลสเตอร์ ประสบความสำเร็จคว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ มาครองได้อย่างเซอร์ไพรส์

 ดาเนียล โนเอล ดริงค์วอเตอร์ เกิดเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 1990 เขาเป็นชาวเมืองแมนเชสเตอร์โดยกำเนิด และเข้าร่วมอะคาเดมี่ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตั้งแต่อายุ 9 ขวบ จากนั้นก็พัฒนาตัวเองขึ้นเรื่อยๆ จนได้รับสัญญาเป็นนักเเตะฝึกหัดของสโมสรเมื่อปี 2006 

 โดยหลังจากนั้นเจ้าตัวก็เป็นตัวหลักของทีมยู-18 มาโดยตลอดและขึ้นชั้นมาเล่นในทีมสำรองในฤดูกาลเดียวกัน ซึ่งช็อตประทับใจเกิดขึ้นเมื่อ ดริงค์วอเตอร์ ลงสนามไปยิงประตูชัยใส่ ลิเวอร์พูล ในศึกแลงคาเชียร์ ซีเนียร์ คัพ เมื่อปี 2008

 ช่วงท้ายฤดูกาล 2008-2009 กองกลางรายนี้ถูกใส่ชื่อเป็นตัวสำรองในทีมชุดใหญ่ ในเกมที่ ปีศาจแดง เจอกับ ฮัลล์ ซิตี้ แต่ในท้ายที่สุด ดริงค์วอเตอร์ ก็ไม่ได้ลงไปสัมผัสเกมแต่อย่างใด ซึ่งฤดูกาลต่อมาเจ้าตัวถูกส่งไปให้กับทีมอื่นๆยืมตัวใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น ฮัดเดอร์สฟิลด์, คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ วัตฟอร์ต และ บาร์นสลี่ย์ ก่อนจะมาได้เป็นฝั่งฝากับ เลสเตอร์ ซิตี้ ในปี 2012 

 ผลงานของ ดริงค์วอเตอร์ ในรั้ว คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม นั้นถือว่ายอดเยี่ยมเมื่อกลายเป็นหัวสำคัญในแดนกลางของทัพ จิ้งจอกสยาม การันตีจากการคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนธันวาคม 2013 ต่อด้วยการคว้ารางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของศึก เดอะ แชมเปี้ยนส์ชิพ อังกฤษ เคียงข้างกับเพื่อนร่วมทีมอย่าง แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล และ เวส มอร์แกน 

แดนนี ดริงค์วอเตอร์ แข้งที่ถูกลืม

นอกจากรางวัลส่วนตัวที่ได้รับ ดริงค์วอเตอร์ ยังช่วยให้ต้นสังกัดคว้าแชมป์ เดอะ แชมเปี้ยนสชิพ สำเร็จ พร้อมกับเลื่อนกลับขึ้นไปเล่นในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี โดยฤดูกาลแรกในลีกสูงสด ไม่เป็นที่น่าจะจดจำนักสำหรับมิดฟิลด์เลือดผู้ดีรายนี้ แต่พวกเขาสามารถกลับมาได้อย่างยิ่งใหญ่ในซีซั่นต่อมา

ดริงค์วอเตอร์ ยังคงเป็นกำลังของ เลสเตอร์ ในฤดูกาล 2015-2016 แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีมจาก ไนเจล เพียร์สัน มาเป็น เคลาดิโอ รานิเอรี่ ก็ตาม ความขยัน ความทุ่มเท และเลือดนักสู้ที่ไม่เคยกลัวใครตามคอนเซปต์สโมสรทำให้เขายังคงรักษาตแหน่งของตัวเองไว้ได้อย่างเหนียวแน่น นอกจากนี้การเข้ามาของ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ มิดฟิลด์ชาวฝรั่งเศสยิ่งทำให้ ดริงค์วอเตอร์ เล่นง่ายและโดดเด่นขึ้น ซึ่งจากผลงานกับต้นสังกัดที่ยอดเยี่ยมทำให้ รอย ฮอดจ์สัน ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ เรียกตัวแข้งรายนี้ติดทัพ สิงโตคำราม ชุดใหญ่ครั้งแรก เมื่อเดือนมีนาคม 2016 ก่อนจะได้รับโอกาสลงสนามในเกมที่ทีมชาติอังกฤษ แพ้ ทีมชาติฮอลแลนด์ 1-2 ซึ่งเกมนั้น ดริ้งค์วอเตอร์ ได้รับเลือกให้เป็น แมน ออฟ เดอะ แมตช์

 โดยในฤดูกาล 2015/16 ดริ้งค์วอเตอร์ พลาดการรับใช้ต้นสังกัดไปเพียง 3 เกมเท่านั้น และถือเป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ เลสเตอร์ ซิตี้ เปลี่ยนแปลงตัวเองจากทีมที่ดิ้นรนหนีการตกชั้น มาเป็นทีมแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 

 หลังจากร่วมคว้าแชมป์กับเลสเตอร์ สำเร็จ ในฤดูกาล 2017/18 เขาก็ตัดสินใจย้ายออกจากทีมเพื่อหาความท้าทายใหม่ โดยตอบรับข้อเสนอของเชลซี แต่การย้ายทีมของเขาครั้งนี้ ถือเป็นความผิดพลาด เพราะเขาแทบไม่ได้ลงสนามกับเชลซี เลย ก่อนจะถูกปล่อยตัวให้ทีมอื่นยืม ไม่ว่าจะเป็น เบิร์นลี, แอสตัน วิลลา, คาซิมปาซา ในตุรกี และเรดดิ้ง

 น่าเสียดายฝีเท้าของ ดริงค์วอเตอร์ ที่ไม่ได้รับโอกาสกับสโมสรเชลซี เท่าที่ควร จนกลายเป็นนักเตะที่ถูกลืม อย่างไรก็ตาม ในฤดูกาลหน้านี้ที่ เลสเตอร์ ตกชั้นลงมาเล่นในแชมเปี้ยนชิพ มีข่าวว่า ดริงค์วอเตอร์ สนใจจะย้ายกลับมาช่วยทีม ซึ่งก็คงจะดีไม่น้อยหากทีมที่จะทำให้เขากลับมามีฟอร์มที่ดี คือทีมที่เขาร่วมสร้างตำนาน

Click to comment

Leave a Reply

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Most Popular

To Top