แอนดี เมอร์เรย์ อดีตนักเทนนิสมือ 1 โลกจากสหราชอาณาจักรระบุแปลกใจที่ตัวเองไม่คิดถึงการเล่นเทนนิสมากนักหลังจากตัดสินใจแขวนแร็กเกตทางการ
สำหรับ เมอร์เรย์ ได้ตัดสินแขวนแร็กเกตอย่างเป็นทางการตามที่เจ้าตัวเคยประกาศไว้ว่าจรีไทร์เมื่อจบโอลิมปิกเกมส์ 2024 หลังตกรอบก่อนรองชนะเลิศชายคู่ของโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
โดย เมอร์รีย์ โลดแล่นบนเส้นทางเทนนิสอาชีพมานานถึง 19 ปี และได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักกีฬาที่ยิ่งใญ่สุดตลอดการของสหราชอาณาจักรหลังเจ้าตัวผงาดคว้าเหรียญทองเทนนิสชายเดี่ยวโอลิมปิกเกมส์ 2012 ก่อนในโอลิมปิกเกมส์ 2016 เขาก็ป้องกันตำแหน่งเหรียญทองไว้ได้อีกครั้ง
ส่วนในระดับอาชีพเจ้าตัวได้แชมป์ประเภทเดี่ยวไป 46 ครั้ง รวมถึงแชมป์แกรนด์สแลมอย่างวิมเบิลดัน 2 สมัย และยูเอส โอเพ่น 1 สมัย นอกจากนั้นยังทำสถิติเป็นนักเทนนิสเจ้าถิ่นคนแรกในรอบ 77 ปีที่คว้าแชมป์แกรนด์สแลมวิมเบิลดันมาครองในปี 2013 และซิวโทรฟี่รายการดังกล่าวไปครองอีกครั้งในปี 2016
ล่าสุดอดีตผู้เล่นวัย 37 ปีออกมาเปิดใจกับ “บีบีซี” ถึงชีวิตหลังจากอำลาวงการว่า เขาเซอร์ไพรส์ที่ไม่ได้คิดถึงการแข่งขันเทนนิสขนาดนั้น เนื่องจากมีเวลาได้ทำอะไรที่อยากทำอย่างอื่นมากขึ้น “ตั้งแต่เลิกเล่น ผมก็รู้สึกว่าตัวเองมีอิสระ มีเวลามากมายให้ทำอะไรที่ตัวเองอยากทำ”
“ผมสามารถใช้เวลากับลูกๆ หรือไปตีกอล์ฟ ไปออกกำลังกายยังไงก็ได้ เป็นเรื่องดีมากๆ ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะเป็นแบบนี้ เพราะตอนแรกคิดว่าเมื่อเลิกเล่นแล้วจะปรับตัวลำบากเพราะรู้สึกคิดถึงกีฬาเทนนิส อยากจะกลับมาเล่นอีก แต่พอเอาเข้าจริงๆ กลับเป็นตรงกันข้ามกับที่คิดเอาไว้”
อย่างไรก็ตาม เมอร์เรย์ กล่าวต่อว่า “สิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกว่ายากลำบากในช่วง 2-3 ปีหลังคือ เวลาทำอะไรก็จะรู้สึกผิดอยู่เสมอ เช่นถ้าต้องเดินทางไปแข่งขันสัก 3-4 สัปดาห์ ก็จะรู้สึกผิดที่ปล่อยลูกๆ ไว้ที่บ้าน หรือเวลาต้องห่างภรรยากับลูกๆ นานๆ ก็จะรู้สึกคิดถึง ในทางตรงข้าม ถ้าอยู่บ้านกับลูกๆ ก็ต้องพะวงกับการฝึกซ้อมอีก และเป็นกังวลว่าเวลาทำนู่นทำนี่จะส่งผลกับการซ้อมในวันรุ่งขึ้นหรือไม่ ซึ่งเรื่องแบบนี้เป็นสิ่งที่รับมือได้ยากในช่วง 2-3 ปีหลัง”