ลงสนามทีไรเป็นต้องหาเรื่องให้แฟนๆได้กุมขมับทุกทีสำหรับ แฮร์รี แมกไกว์ ปราการหลังจอมเสยผม ที่ครั้งหนึ่งเคยทำผลงานได้ดีเอามากๆ แต่พักหลังหนักไปทางสร้างคอนเทนต์ ขนาดลงเล่นกับทีมชาติอังกฤษ ในเกมที่เสมอ เยอรมนี 3-3 ล่าสุด ก็ไม่วายแผลงฤทธิ์อีกครั้ง
เจค็อบ แฮร์รี แมกไกวร์ เกิดเมื่อ 5 มีนาคม ค.ศ. 1993 ที่เมืองเชฟฟิลด์ ประเทศอังกฤษ ด้วยความที่มีคุณพ่อเป็นนักฟุตบอลมาก่อน ทำให้ แฮร์รี และน้องชายอีก 2 คนอย่าง โจ กับ ลอว์เรนซ์ แมกไกวร์ ต่างก็ต้องการเดินในเส้นทางลูกหนังเช่นกัน
เมื่ออายุได้ 7 ขวบ แฮร์รี แมกไกวร์ ได้เข้าฝึกฝนเป็นนักเตะเยาวชนของ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ในตำแหน่งกองกลาง จนอายุได้ 16 ปี โค้ชเยาวชนสังเกตเห็นว่า แมกไกวร์ มีรูปร่างที่สูงใหญ่ และแข็งแกร่ง จึงปรับให้เขามาเล่นในตำแหน่งกองหลัง ซึ่งเขาก็ทำมันได้ดีทีเดียว
กระทั่งปี 2011 แมกไกวร์ ที่อายุได้ 18 ปี ก็ถูกดันขึ้นไปเล่นกับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ชุดใหญ่ ในช่วงที่ทีมกำลังดิ้นรนเพื่อหนีตกชั้น โดยได้รับโอกาสลงสนามนัดแรกเป็นตัวสำรองในเกมที่ พ่ายให้กับ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ 0-2 ก่อนสุดท้าย เชฟฟิลด์ จะหนีตกชั้นไม่สำเร็จ จบอันดับ 23 ของแชมเปี้ยนชิพ มีอันต้องลงไปเล่นในลีก วัน
หลังจากตกชั้นลงมา แมกไกวร์ ก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักของทีมอย่างเต็มตัว โดยลงเล่นไปทั้งหมด 134 นัดทำไป 9 ประตู แต่ก็ยังไม่สามารถพา เชฟฟิลด์ กลับขึ้นมาอยู่ในแชมเปียนชิพ ได้ กระทั่งปี 2014 เป็น ฮัลล์ ซิตี้ ที่ดึงตัว แมกไกวร์ ในวัย 21 ปี มาร่วมทีมลุยในศึกพรีเมียร์ ลีก แต่สุดท้ายเขาได้รับโอกาสลงเพียงแค่ 3 นัดเท่านั้น ก่อนจะถูกปล่อยให้ วีแกน ยืมตัวไปเล่นใน แชมเปี้ยนชิพ เหมือนเดิม
อย่างไรก็ตามในฤดูกาลถัดมาที่ ฮัลล์ ซิตี้ ต้องตกชั้นสู่ แชมเปี้ยนชิพ ทำให้ทีมที่ต้องปล่อยตัวหลักออกไปดึงตัว แมกไกวร์ กลับมาช่วยทีม ซึ่งฤดูกาลนี้ ฮัลล์ กลับมาโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม เช่นเดียวกับผลงานส่วนตัวของ แมกไกวร์ ทำให้ทีมกลับขึ้นสู่พรีเมียร์ ลีก อีกครั้งจากการจบเป็นอันดับ 4 และคว้าตั๋วเพลย์ออฟ เป็นทีมที่ 3
ฤดูกาล 2016/17 แมกไกวร์ เป็นปีที่ แมกไกวร์ ได้ลงเล่นในพรีเมียร์ ลีก ด้วยการเป็นตัวหลักแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย แม้สุดท้ายแล้วฮัลล์จะจบอันดับ 18 ต้องตกชั้นลงไปแชมเปี้ยนชิพ อีกรอบ แต่ ผลงานส่วนตัวของ แมกไกวร์ ก็ยังโดดเด่นจน เลสเตอร์ ซิตี้ ตัดสินใจคว้าตัวเขาไปร่วมทีม
หลังจากย้ายมาอยู่กับ “จิ้งจอกสีน้ำเงิน” แมกไกวร์ กลายเป็นตัวหลักที่ทีมจะขาดไม่ได้ โดยฤดูกาล 2017/18 เขาลงสนามให้กับทีมทุกนัด ทุกนาที ก่อนจะกลายเป็นกองหลังที่น่าจับตามองที่สุดคนหนึ่งในพรีเมียร์ลีก จนมีชื่อติดทีมชาติอังกฤษไปเล่นฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย
หลังจากได้รับความสนใจจากสโมสรยักษ์ใหญ่หลายสโมสร อยู่นาน ฤดูกาล 2019/20 ก็เป็น “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ยอมทุ่มเงินกว่า 80 ล้านปอนด์ ดึง แมกไกวร์ ไปร่วมทีม ทุบสถิติกองหลังที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลก เหนือ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ก ที่ย้ายจาก เซาแธมป์ตัน ไป ลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัว 75 ล้านปอนด์
ช่วงแรกนั้น แมกไกวร์ เป็นกองหลังที่ทำผลงานได้โดดเด่น และมีบุคลิกความเป็นผู้นำ จนสุดท้ายได้รับความไว้วางใจจาก โอเล กุนนาร์ โซลชา ให้ทำหน้าที่กัปตันทีมตั้งแต่ปีแรกที่มาอยู่กับทีม ซึ่งฤดูกาลนี้ แม็กไกวร์ ก็ยังทำสถิติลงเล่นในเกมพรีเมียร์ลีกครบทุกนัด และครบทุกนาที พร้อมเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ “ปีศาจแดง” จบในอันดับ 3 ของตาราง
อย่างไรก็ตามนี่น่าจะเป็นเพียงฤดูกาลเดียว ที่ แมกไกวร์ โชว์ฟอร์มได้ประทับใจกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพราะหลังจากนั้น เขามักจะขยันสร้างคอนเทนต์ ความผิดพลาดให้แฟนๆได้ระอา อยู่เสมอ ซึ่งล่าสุดในยุคของ เอริก เตน ฮาก นี้ ก็โดนจับไปนั่งสำรองเรียบร้อย
ไม่รู้ว่ากองหลังวัย 29 ปี รายนี้จะยังกลับมามีฟอร์มที่ดีได้ไหม แต่เชื่อว่าแฟนบอลหลายๆคนยังเอาใจช่วย แมกไกวร์ อยู่เหมือนเดิม เพียงแต่ตอนนี้ในขณะที่ยังสร้างคอนเทนต์ไม่พัก ก็นั่งดูเพื่อนเล่นไปก่อนน่าจะดีที่สุด