เคสุเกะ ฮอนดะ ถือเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่ทั่วโลกยอมรับ และเป็นตำนานของวงการฟุตบอลญี่ปุ่น หลังจากไปโลดแล่นในยุโรปกับหลายทีมชั้นนำ และเป็นกำลังหลักสำคัญให้กับทีมชาติญี่ปุ่นมา อย่างยาวนาน ซึ่งปัจจุบันเขาได้ผันตัวมาเป็นผู้จัดการทีมแล้วเรียบร้อย
เคสุเกะ ฮอนดะ เกิดเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 1986 ที่ เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ประวัติของเขาในสมัยยังเด็กนั้นค่อนข้างน่าสนใจ โดย ฮอนดะ เกิดในครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์พร้อมนัก อาศัยอยู่ในห้องเช่าขนาดเล็กกับคุณย่าข ณะที่พ่อและแม่นั้นหย่าร้างกัน ทำให้ ฮอนดะ นั้นต้องหาความบันเทิงให้กับตัวเองนั่นก็คือการเล่นฟุตบอล
ฮอนดะมีความ ตั้งใจอยากจะเป็นนักฟุตบอลอาชีพ อยากติดทีมชาติญี่ปุ่น และอยากไปเล่นฟุตบอลโลก ทำให้เขาฝึกฝนฟุตบอลอย่างจริงจัง โดยเริ่มต้นเล่นฟุตบอลในระดับเยาวชนให้กับสโมสรฟุตบอลท้องถิ่นอย่างเซ็ตสึ จากนั้นก็มีโอกาสย้ายไปเล่นให้ทีมระดับเยาวชนของสโมสรกัมบะ โอซาก้า แต่ฮอนดะก็เป็นเพียงนักเตะชุดเล็กของทีมเยาวชนเท่านั้น ไม่สามารถก้าวไปสู่ทีมชุดหลักในระดับเยาวชนได้
อย่างไรก็ตาม ฮอนดะ ไม่ได้ท้อแท้แต่อย่างใด เขาแค่เปลี่ยนเส้นทางที่จะประสบความสำเร็จใหม่ คือ ย้ายไปเล่นฟุตบอลให้กับโรงเรียนมัธยมเซเรียว ในปี 2004 และเจ้าตัวก็เป็นตัวหลักของทีมและพาทีมผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศในการแข่งขันฟุตบอลมัธยมระดับประเทศได้ อีกทั้งฟอร์มของเจ้าตัวก็โดดเด่นจนได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการเก็บตัวของสมาคมฟุตบอลญี่ปุ่นหรือเจเอฟเอ (JFA) เพื่อเป็นการพัฒนานักฟุตบอลระดับเยาวชนของญี่ปุ่นให้สามารถก้าวไปสู่การแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพอย่างเจลีก
หลังจากฮอนดะ เข้าแคมป์เก็บตัวของเจเอฟเอแล้ว เจ้าตัวมีโอกาสเริ่มต้นเล่นฟุตบอลอาชีพตามความฝันขณะที่ยังเรียนหนังสืออยู่ โดยสโมสรที่เปิดโอกาสให้ฮอนดะ คือสโมสรนาโกย่า แกรมปัส เอต แห่งศึกเจลีก โดยฮอนดะ มีโอกาสลงสนามนัดแรกให้กับสโมสรก็คือการแข่งขันฟุตบอลรายการเจลีก คัพ โดยเป็นการแข่งขันในรอบแบ่งกลุ่มกับสโมสรจูบิโล อิวาตะ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2004 โดยฮอนดะนั้นมีโอกาสลงเล่นในสนามทั้งหมด 13 นาที แม้จะเป็นระยะเวลาที่ไม่มากมายนัก แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในเส้นทางสายนักฟุตบอลอาชีพ
ฮอนดะ ใช้ความพยายามอย่างหนักก่อนจะได้ก้าวขึ้นสู่ชุดใหญ่ของ นาโกยา แกรมปัส เอต อย่างเต็มตัว ก่อนจะลงสนามให้ทีมทั้งสิ้น 3 ฤดูกาล ลงสนามรวมกว่า 75 นัด ทำปทั้งสิ้น 13 ประตู ก่อนจะได้ได้มีโอกาสย้ายไปยัง สโมสรวีวีวี-เวนโล ในเอเรดิวิซี ฟุตบอลลีกสูงสุดของเนเธอร์แลนด์
ในปีแรกที่ ฮอนดะ ไปร่วมทีมนั้น ทีมต้องตกชั้นลงไปเล่นในลีกรอง แต่ในปีต่อมา เขาได้กลายเป็นกำลังหลักสำคัญที่พาให้ทีมเลื่อนชั้นกลับมาสู่ลีกสูงสุดอีกครั้ง โดยลงสนามไป 36 นัด ทำประตูไปได้ 16 ประตูกับ 14 แอสซิสต์ ถือเป็นสถิติที่สุดยอดเยี่ยม
หลังจากนั้น ฮอนดะ ยังลงเล่นกับ วีวีวี-เวนโล อีก 1 ปี ทำไปอีก 8 ประตู กับอีก 8 แอสซิสต์ ก่อนจะย้ายไปยังสโมสรซีเอสเคเอ มอสโก ในลีกรัสเซีย ซึ่งชื่อของเขาก็กลายเป็นที่รู้จักมากขึ้นเมื่อได้ลงสนามในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก พร้อมกับร่วมคว้าแชมป์ลีกรัสเซีย 2 สมัยในฤดูกาล 2012/2013 และ 2013/2014 และคว้าแชมป์ฟุตบอลรัสเซียน คัพ อีก 2 สมัย โดยลงสนามไปทั้งสิ้น 127 นัดทำประตูได้ทั้งหมด 28 ประตูกับอีก 29 แอสซิสต์
ผลงานอันโดดเด่นของ ฮอนดะ ทำให้เขาได้ย้ายไปยัง เอซี มิลาน ยักษ์ใหญ่เซเรีย อา อิตาลี พร้อมกับได้รับเสื้อหมายเลข 10 ของสโมสร โดยตลอดระยะเวลาการค้าแข้งกับสโมสรเอซี มิลาน ฮอนดะมีโอกาสลงสนามไปทั้งสิ้น 92 นัดและทำประตูไปได้ทั้งสิ้น 11 ประตู แม้จะไม่มีความสำเร็จติดมือ แต่เจ้าตัวก็ยังมีฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยม และเป็นตัวหลักของทีมตลอดช่วงเวลาที่ลงเล่น
หลังจากนั้น ฮอนดะ ยังพเนจรค้าแข้งกับอีกหลายทีมไม่ว่าจะเป็น ปาชูกา ในเม็กซิโก, เมลเบิร์น วิคตอรี ในออสเตรเลีย, วีเทสส์ ในเนเธอร์แลนด์, โบตาโฟโก ในบราซิล, ปอร์ติโมเนนเซ ในโปรตุเกส, เนฟต์ซี บากู ในอาเซอร์ไบจาน ก่อนจะแขวนสตั๊ดกับ ซูดูวา มาริจัมโบเล ในลิทัวเนีย
ส่วนผลงานกับทีมชาติญี่ปุ่น เขาติดชุดใหญ่มาตั้งแต่ปี 2005 ผ่านฟุตบอลโลกมา 3 สมัย ใน ปี 2010, 2014 และ 2018 มีความสำเร็จติดมือคือแชมป์ เอเชียน คัพ ปี 2011
หลังจากแขวนสตั๊ด ฮอนดะ ผันตัวไปเป็นประธานเทคนิก และคุมทีมชาติกัมพูชา เขาช่วยยกระดับฟุตบอลของกัมพูชา ขึ้นมาได้อย่างน่าชื่นชม สามารถต่อกรกับหลายทีมในอาเซียนได้อย่างยอดเยี่ยมแบบเซอร์ไพรส์ โดยปัจจุบันเขายังไม่ได้รับงานคุมทีมใด น่าสนใจว่าชายผู้สร้างปรากฏการณ์ให้กับฟุตบอลญี่ปุ่นคนนี้ จะมีจุดหมายไปยังที่ใดต่อไป