อัลบาโร โมราตา กองหน้าจอมเก๋าชาวสเปน เปิดใจจ่ออำลาการรับใช้ทีมชาติ เนื่องจากถูกสื่อและแฟนบอลวิจารณ์เรื่องฟอร์มการเล่น จนกระทบกับครอบครัว
กองหน้าวัย 31 ปี เปิดใจให้สัมภาษณ์กับสื่อระบุว่าเขาอาจจะเลิกเล่นให้กับทีมชาติสเปน เนื่องมาจากได้รับการปฏิบัติที่ไม่ดีจากแฟนบอลชาติเดียวกัน ทั้งในทีมชาติและสโมสร ทำให้ครอบครัวของเขาได้รับผลกระทบ รวมถึงภรรยาและลูกๆอีก 4 คน และอาจรวมถึงการอำลาสโมรแอตเลติโก มาดริด เพื่อไปค้าแข้งในประเทศอื่นด้วย
ก่อนหน้านี้ อลิซ กัมเปโญ ภรรยาสาวของโมราตา เพิ่งเปิดฉากปะทะคารมกับสื่อในประเทศสเปน หลังสื่อดังอย่าง เอล คอนฟิเดนเชียล พาดหัวข่าวถึงแข้งชาวสเปนด้วยข้อความรุนแรงว่า “โมราตา คือกัปตันทีมชาติที่น่าละอาย และไม่ใช่แค่เพราะผลงานอันสุดห่วยในยูโร” รวมถึงเขียนในข่าวด้วยว่า “นี่ไม่ใช่ครั้งแรก แต่เขาทำมาแล้วหลายครั้ง ในยูโร และฟุตบอลโลก มันทำให้ สเปน เป็นทีมที่น่าอับอาย”
ล่าสุด อัลบาโร โมราตา ออกมาเปิดใจหลังถูกสื่อและแฟนบอลจากชาติเดียวกันวิจารณ์ โดยระบุว่าเขาอาจจะอำลาการรับใช้ชาติ และอาจรวมถึงการบอกลาแอตเลติโก มาดริด ต้นสังกัด เนื่องจากมองว่าคำวิจารณ์ต่างๆกระทบครอบครัวของเขา
“ในสเปน มันไม่มีความเคารพกันเลย มันอาจเป็นทัวร์นาเมนต์สุดท้ายของผม มันเป็นไปได้ แต่ผมยังไม่อยากพูดอะไรมาก มันอาจเป็นไปได้เท่านั้น มันยากที่ผมจะมีความสุขในสเปน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าผมมีความสุขกับประเทศอื่นมากกว่า ผมบอกหลายครั้งแล้วว่ามันเป็นเพราะผู้คนของประเทศอื่นๆเคารพผม”
“ผู้คนบอกว่าผมร้องไห้ที่ริมสนามเพราะผมได้ใบเหลือง มันเหลวไหลมาก ผมร้องไห้ให้กับประเทศของผมในฐานะกัปตันทีมซึ่งเราได้เข้ารอบตัดเชือก ผมไม่เคยวิจารณ์ใครที่ร้องไห้ แต่ผมถูกวิจารณ์ ผมพยายามสนุกกับทัวร์นาเมนต์นี้ซึ่งอาจเป็นรายการสุดท้ายของผมกับทีมชาติ บางทีพวกเขาอาจคิดถึงผมสักวัน”
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ โมราตา เพิ่งประกาศยืนยันว่าเขาจะอยู่กับทีมตราหมี แอตเลติโก มาดริด ไปเมื่อสัปดาห์ก่อน แต่ในสัมภาษณ์ล่าสุดเจ้าตัวเผยว่าอาจจะกลับลำ จากปัญหาดังกล่าว
“ผมยังคิดอยู่ ผมขอโฟกัสกับ ยูโร ก่อน ผมไม่รู้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดหรือเปล่าหากผมอยู่ในสเปนต่อ ผมบอกว่าผมอยากคว้าแชมป์กับ แอตเลติโก มาดริด แต่คุณต้องชั่งน้ำหนักว่ามันคุ้มมั้ย สำหรับผม เรื่องที่ง่ายที่สุดคือการไม่เล่นอยู่ในสเปน มันง่ายที่สุดที่จะเล่นในต่างแดน บ่อยครั้งที่ลูกของผมอายุห้าขวบไม่เข้าใจว่าทำไมผู้คนจึงโกรธแค้นพ่อของพวกเขา”
