สื่อรายงาน ไมเคิล จอร์แดน อดีตนักบาสเกตบอลระดับตำนานของศึกเอ็นบีเอ ได้บรรลุข้อตกลงขายหุ้นส่วนใหญ่ของตัวเองในทีม ชาร์ลอตต์ ฮอร์เน็ตส์ เป็นที่เรียบร้อยด้วยมูลค่า 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับ จอร์แดน เข้ามาถือซื้อหุ้นของ ฮอร์เน็ตส์ ตั้งแต่ปี 2006 ก่อนจะได้ครอบครองทีมเมื่อปี 2010 หลังซื้อหุ้นส่วนใหญ่ต่อจากต่อจาก บ็อบ จอห์นสัน ด้วยมูลค่า 275 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมกลายเป็นอดีตผู้เล่นเอ็นบีเอรายแรกที่ได้เป็นเจ้าของแฟรนไชส์ในลีกเอ็นบีเอด้วย
ถึงกระนั้นในช่วงที่ จอร์แดน เป็นเจ้าของ ฮอร์เน็ตส์ ทำผลงานได้ไม่น่าพอใจนักด้วยการสามารถผ่านเข้ารอบเพลย์ออฟได้เพียง 2 ครั้งในปี 2014, 2016 และแพ้ในรอบแรกทั้ง 2 ครั้งด้วย ส่วนผลงานในฤดูกาลล่าสุดคือการจบในอันดับ 14 ของสายตะวันออกจากสถิติชนะ 27 เกม และแพ้ถึง 55 เกมเลยทีเดียว
จนก่อนหน้านี้มีรายงานว่า จอร์แดน กำลังพิจารณาขายหุ้นส่วนใหญ่ของเขาให้กับกลุ่มที่นำโดย เกล พล็อตกิน ที่มีหุ้นส่วนน้อยในทีม ฮอร์เน็ตส์ และริก ชานัล ที่มีหุ้นส่วนน้อยในทีม แอตแลนตา ฮอกส์
จนล่าสุด “อีเอสพีเอ็น” สื่อกีฬาแดนมะกันรายงานว่า จอร์แดน ได้บรรลุข้อตกลงในการขายหุ้นส่วนใหญ่ของเขาให้กับ พล็อตกิน และชานัล เป็นที่เรียบร้อยด้วยมูลค่า 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แม้ปัจจุบันทีมจะมีราคาประเมินอยู่ที่ 1,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐก็ตาม
โดยขณะนี้ดีลดังกล่าวอยู่ระหว่างรอการอนุมัติจากคณะกรรมการบริหารของ เอ็นบีเอ ซึ่งหากสำเร็จจะเป็นการยุติระยะเวลา 13 ปีของ จอร์แดน ในฐานะเจ้าของซึ่งมีหุ้นส่วนใหญ่ซึ่งมีผิวสีเพียงคนเดียวของ เอ็นบีเอ ถึงกระนั้นเขาจะยังคงถือหุ้นส่วนน้อยของแฟรนไชส์อยู่
ทั้งนี้ จอร์แดน ซึ่งปัจจุบันอายุ 60 ปีได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล โดยเจ้าตัวเล่นให้กับ ชิคาโก บูลส์ ระหว่างปี 1984-98 และวอชิงตัน วิซาร์ดส์ ระหว่างปี 2001-03 ก่อนอำลาวงการ โดยกับการเล่นให้ บูลส์ เขาคว้าแชมป์ลีก 6 สมัย (1991–1993, 1996–1998), MVP รอบชิงชนะเลิศ 6 สมัย, MVP ประจำฤดูกาล 5 สมัย, ติดทีม NBA All Star 14 สมัย, ติดทีม All NBA First Team 10 สมัย, NBA Defensive Player of the Year และรางวัล All-Defensive First Teams 9 สมัย เป็นต้น
