กำลังทำผลงานได้ดีทีเดียวสำหรับ เอียน มัตเซน แบ๊กซ้ายวัย 22 ปี ชาวเนเธอร์แลนด์ ที่เล่นให้กับดอร์ตมุนด์ โดยในเกมแชมเปียนส์ ลีก ก็เพิ่งยิงใส่ แอตเลติโก มาดริด ช่วยให้ทีมเก็บชัยชนะผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ
เอียน อีธาน มัตเซน เกิดเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2002 ที่เมือง วลาร์ดินเกน ประเทศเนเธอร์แลนด์ ครอบครัวของเขามีพื้นเพมาจากซูลินาม รวมถึงอินโดนีเซีย เริ่มแรกนั้น มัตเซน เข้าสู่เส้นทางฟุตบอลด้วยการเป็นเด็กเยาวชนของ เฟเยนูร์ด แต่เวลาต่อมาก็ถูกระบุว่าเป็นคนที่มีร่างกายเล็กเกินไปที่จะเล่นฟุตบอล ทำให้ถูกปล่อยตัวออกมาในปี 2013
ช่วงเวลาแห่งความผิดหวังเกิดขึ้นไม่นาน มัตเซน ก็ได้ย้ายไปฝึกฝนต่อกับ สปาร์ตา รอตเตอร์ดัม จากนั้น 2 ปีก็พัฒนาฝีเท้าจนถูกดึงไปอยู่กับ พีเอสวี ยักษ์ใหญ่ในลีกเนเธอร์แลนด์ ก่อนที่ในปี 2018 แมวมองของเชลซี จะดึงเขาไปร่วมทีม
เอียน มัตเซน นั้นโดดเด่นในเรื่องของความเร็ว และมีเกมรุกที่อันตราย ทำให้ 1 ปีต่อมา เขาก็ถูกดันขึ้นมาสู่เชลซี ชุดใหญ่ แต่ถึงกระนั้นด้วยความที่ยังเด็ก และต้องการเวลาในการลงสนาม ทำให้เขาถูกปล่อยตัวไปให้หลายทีมยืมไปใช้งาน
ในฤดูกาล 2020/21 มัตเซนลงเล่นกับ ชาร์ลตัน ในลีกวัน ต่อที่ฤดูกาล 2021/22 เล่นกับ โคเวนทรี ซิตี้ ในแชมเปียนชิพ และฤดูกาล 2022/23 เล่นกับ เบิร์นลีย์ ในแชมเปียนชิพ พร้อมช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ลีกเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ได้สำเร็จ ซึ่งตอนนั้นฟอร์มของ มัตเซน ได้รับการชื่นชมอย่างมาก จนติดทีมยอดเยี่ยมของแชมเปียนชิพ ซีซั่น 2022/23 ทำให้ เชลซี ลองเก็บเขาไว้ใช้งานในฤดูกาล 2023/24
อย่างไรก็ตามหลังจากลงเล่นให้ทีมไป 15 นัด มัตเซน ก็ยังไม่ได้มีฟอร์มที่ดีนัก ขณะเดียวกันนักเตะตัวจริงของเชลซี ก็เริ่มทยอยหายเจ็บกลับมา ทำให้เขา ต้องถูกปล่อยยืมอีกครั้ง โดยครั้งนี้เป็น ดอร์ตมุนด์ ในบุนเดสลีกา เยอรมนี
มัตเซน กลับมาโชว์ฟอร์มได้ดีอีกครั้ง พร้อมกับลงสนามอย่างต่อเนื่อง โดยเขาลงสนามไป 17 นัด ยิงไป 2 ประตู และเป็นกำลังหลักสำคัญของทีมในเวลานี้
ในส่วนของทีมชาติ มัตเซน ถูกเรียกติดทีมชาติเนเธอร์แลนด์ตั้งแต่ชุด ยู-15 พร้อมกับอยู่ในทีมเยาวชนมาหลายรุ่นอายุจนชุด ยู-21 โดยผลงานที่โดดเด่นที่สุดคือการคว้าแชมป์ ยุโรป ในปี 2019 กับทีมเนเธอร์แลนด์ ยู-17
ด้วยฟอร์มอันยอดเยี่ยมแบบนี้ ย่อมถูกใจดอร์ตมุนด์ ที่ต้องการจะคว้าตัวเขาไว้ใช้งานแบบถาวรแน่ คงต้องมาดูกันว่า เชลซี มีแผนจะปล่อยตัวเขาหรือไม่ โดยเรื่องนี้ต้องติดตามกันต่อไปสำหรับอนาคตของ เอียน มัตเซน