โจเอล เอ็มบีด ผู้เล่นซูเปอร์สตาร์ ฟิลาเดลเฟีย เซเว่นตี้ ซิกเซอร์ส ออกมาเปิดเผยข่าวช็อกว่า ตัวเองป่วยเป็นโรคหน้าเบี้ยวครึ่งซีก หรืออัมพาตเบลล์ และไม่มีกำหนดว่าต้องใช้เวลาเท่าใดในการพักรักษาตัว
โดยเซ็นเตอร์วัย 30 ปีทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในฤดูกาลนี้ด้วยสถิติเฉลี่ย 34.7 คะแนนต่อเกม, รีบาวด์ 11 ครั้งต่อเกม และแอสซิสต์ 5.6 ครั้งต่อเกม ทว่าเจ้าตัวไม่ค่อยได้ลงสนามต่อเนื่องมากนักช่วงฤดูกาลปกติเหตุมีอาการบาดเจ็บรบกวน
และหลังจากเกมเพลย์ออฟ รอบแรก ที่ ซิกเซอร์ส เอาชนะ นิวยอร์ก นิกส์ 125-114 คะแนน ออกนำซีรีส์ 2-1 เกม เอ็มบีด ซึ่งทำไป 50 คะแนนคนเดียวแมตช์ดังกล่าว ออกมาเปิดเผยข่าวช็อกว่า เขากำลังป่วยด้วยโรคหน้าเบี้ยวครึ่งซีก หรืออัมพาตเบลล์ ซึ่งเป็นอาการที่เกิดการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อใบหน้าครึ่งซีก ทำให้ไม่สามารถขยับใบหน้าซีกนั้นได้ เป็นผลมาจากเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 ซึ่งควบคุมการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อแสดงสีหน้าไม่ทำงานมาตั้งแต่ที่ ซิกเซอร์ส กำลังจะเปิดฉากลงเล่นในรอบเพลย์ออฟเมื่อสัปดาห์ก่อน และยังไม่มีกำหนดว่าต้องใช้เวลารักษาตัวนานเท่าใด
“ผมแค่ไม่รู้สึก นั่นคิอสิ่งที่ร่างกายของผมเป็น ใช่ มันน่ารำคาญมาก ใบหน้าซีกซ้าย ปาก และตาของผม มันยากมาก แต่ผมไม่ใช่คนยอมแพ้ ผมจะสู้ต่อไปไม่ว่าอะไรก็ตาม มันน่าเสียดาย นั่นคือวิธีที่ผมมองมัน แต่มันไม่ใช่ข้อแก้ตัว ผมต้องผลักดันต่อไป มันไม่ได้ดีขึ้นเลยจริงๆ จากบทสนทนาที่ผมมี อาจเป็นสัปดาห์ อาจเป็นเดือน ผมแค่หวังว่ามันจะเป็นแบบนี้ ผมมีใบหน้าที่ดี และผมไม่ชอบเวลาที่ปากของผมเบือนไปทางอื่น สถานการณ์ที่โชคร้าย แต่ทุกอย่างเกิดขึ้นด้วยเหตุผล”
อย่างไรก็ตาม เอ็มบีด เจ้าของรางวัลผู้เล่นทรงคุณค่า หรือเอ็มวีพีประจำช่วงซีซั่นปกติ 2022-23 ยืนยันว่า แม้ร่างกายของเจ้าตัวจะต้องเผชิญโรดังกล่าว ทว่าเจ้าตัวก็จะลงช่วยทีมในรอบเพลย์ออฟต่อไป โดยเกมที่ 4 กับ นิกส์ นั้นจะมีขึ้นในวันที่ 28 เม.ย.ตามเวลาท้องถิ่น ถึงกระนั้นในฤดูกาลนี้เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะคว้ารางวัลเอ็มวีพีเป็นปีที่สองติดต่อกัน เนื่องจากเวลาลงสนามของเขาไม่ถึงเกณฑ์ลุ้นรางวัลดังกล่าว
