Uncategorized

หลุยส์ ซัวเรซ จากเด็กกวาดถนนหลงผิด สู่แอนตี้ฮีโร่ของอุรุกวัย ผู้ประสบความสำเร็จในโลกลูกหนัง

หลุยส์ ซัวเรซ

 หลุยส์ ซัวเรซ ถือเป็นอีกหนึ่งยอดศูนย์หน้าระดับโลกที่ประสบความสำเร็จมามากมาย ตลอดชีวิตการค้าแข้งของเขา และแม้ปัจจุบันจะอายุถึง 36 ปีแล้ว แต่ศูนย์หน้าทีมชาติอุรุกวัย ก็ยังคงโลดแล่นอยู่ในเส้นทางลูกหนัง

 หลุยส์ อัลแบร์โต ซัวเรซ ดิอาซ เกิดเมื่อวันที่ 24 มกราคม 1987 ที่เมืองซัลโต อุรุกวัย คุณพ่อของเขา โรดอลโฟ ซัวเรซ เป็นอดีตทหารและนักฟุตบอล ส่วนคุณแม่ ซานดรา ดิอาซ เป็นแม่บ้าน

 ครอบครัวของ หลุยส์ ซัวเรซ มีฐานะค่อนข้างยากจน ทำให้ในภายหลังต้องย้ายถิ่นฐานเข้ามาทำงานในเมืองมอนเตวิเดโอ เมืองหลวงของประเทศอุรุกวัย แต่ในช่วงแรกนั้นซัวเรซยังอาศัยอยู่กับคุณตาและคุณยายก่อนที่จะย้ายตามครอบครัวไปในภายหลัง

 ก่อนหน้านี้ซัวเรซ เล่นฟุตบอลให้ทีมเยาวชนสปอร์ติโว อาร์ติกัส ในบ้านเกิด อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้จริงจัง หรือรู้สึกว่าจะต้องเล่นเพื่อนำมาเป็นอาชีพเท่าไหร่นัก และเมื่อต้องย้ายตามครอบครัวมาที่เมืองมอนเตวิเดโอก็เปลี่ยนมาเล่นให้กับทีมเยาวชนอูร์เรตา

 ฟอร์มของเขาไปเข้าตาสโมสรระดับประเทศอย่าง นาซิอองนาล ทำให้ ซัวเรซ จึงเริ่มคิดที่จะเล่นฟุตบอลอาชีพอย่างจริงจัง เพราะหากสามารถเป็นนักฟุตบอลอาชีพกับสโมสรระดับประเทศได้นั่นก็หมายถึงชีวิตที่ดีขึ้น

 แต่เส้นทางฝันก็ต้องมาสะดุดลงเมื่อคุณพ่อ โรดอลโฟ ซัวเรซ ได้ทิ้งครอบครัวไป นั่นคือจุดเปลี่ยนสำคัญของเด็กหนุ่มวัยเพียง 12 ปีที่ต้องเผชิญกับความจริงอันโหดร้าย

 หลุยส์ ซัวเรซ ต้องมากลายเป็นพนักงานกวาดถนนเพื่อช่วยคุณแม่หาเงิน ก่อนจะเลือกเดินทางผิดเริ่มติดสุราและคบหาเพื่อนที่ไม่ดีนัก เขาเลือกที่จะใช้ชีวิตไปแบบไม่มีจุดหมายความฝันที่เคยวาดไว้ว่าจะเป็นนักฟุตบอลอาชีพเจ้าตัวก็ละทิ้งไป จนไม่สามารถพัฒนาตัวเองได้ตามที่สโมสรนาซิอองนาลต้องการ จนเกือบถูกปล่อยตัว

 ในขณะที่เส้นทางสายลูกหนังของ หลุยส์ ซัวเรซ กำลังสิ้นสุดลง วิลสัน ปิเรซ แมวมองผู้ที่พาซัวเรซ มายังสโมสรนาซิอองนาลก็เข้าเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาและทำให้ซัวเรซกลับมามีสมาธิในการเล่นฟุตบอลอีกครั้ง และเจ้าตัวก็กลับมาทำผลงานได้ดี

ในฤดูกาล 2005-2006 ซัวเรซ ก้าวขึ้นสู่ชุดใหญ่ มีโอกาสลงสนามให้สโมสรนาซิอองนาลไปทั้งสิ้น 27 นัดและทำได้ถึง 10 ประตู ทำให้ฟอร์มไปเข้าตาสโมสรเอฟซี โกรนิงเกน ในลีกเนเธอร์แลนด์

ฤดูกาล 2006-2007 หลุยส์ ซัวเรซ ย้ายจากสโมสรนาซิอองนาลในประเทศอุรุกวัยสู่สโมสรเอฟซี โกรนิงเกน  และเพียงแค่ฤดูกาลแรกก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ยิงไปทั้งสิ้น 15 ประตูจากการลงสนาม 37 นัด ทำให้ อาแจ็กซ์ ยักษ์ใหญ่ในลีกดัตช์สนใจ และดึงตัวเขาไปร่วมทีม

 หลุยส์ ซัวเรซ ยังคงมีฟอร์มที่ยอดเยี่ยม ตลอดระยะเวลากว่า 4 ฤดูกาลที่ค้าแข้งอยู่กับอาแจ็กซ์ เขายิงไปถึง 111 ประตูจากการลงสนามทั้งสิ้น 159 นัด สามารถพาสโมสรคว้าแชมป์ เคเอ็นบีวี คัพ ในฤดูกาล 2009-2010 รวมทั้งคว้าแชมป์เอเรอดีวีซี ในฤดูกาล 2010-2011 

หลุยส์ ซัวเรซ

 เมื่อฟอร์มเปรี้ยงปร้างจนหยุดไม่อยู่ ฤดูกาล 2011-2012 หลุยส์ ซัวเรซ ก็ถูกยอดทีมอย่าง ลิเวอร์พูล ในพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ คว้าตัวมาร่วมทีมด้วยค่าตัว 26.5 ล้านยูโร และกลายเป็นขวัญใจของแฟนบอลในเวลาไม่นาน 

 ตลอดกว่า 3 ฤดูกาลครึ่งที่ซัวเรซ รับใช้ทีมลิเวอร์พูล ลงสนามทั้งสิ้น 133 นัดยิงไปทั้งสิ้น 82 ประตู ขาดเพียงถ้วยรวงวัลเท่านั้นที่คว้ามาได้เพียงแชมป์ลีก คัพ ฤดูกาล 2011-2012 เท่านั้น ทำให้ ฤดูกาล 2014-2015 หลุยส์ ซัวเรซ ตัดสินใจย้ายไปสู่ บาร์เซโลนา ในสเปน และประสบความสำเร็จมากมาย

 ซัวเรซ ร่วมคว้าแชมป์กับ บาร์เซโลนา เป็นกอบเป็นกำ ไม่ว่าจะเป็น ลาลีก้า สเปน 4 สมัย, โคปา เดล เรย์ 4 สมัย, ซูเปอร์โคปา 2 สมัย, ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก 1 สมัย, ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 1 สมัย และ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 1 สมัย

 แต่ในฤดูกาล 2020-21 ซัวเรซ ต้องถูกบังคับให้ออกจากทีม หลังจากบาร์เซโลนา ประสบปัญหาการเงิน และมองว่า ซัวเรซ ไม่สามารถเล่นอยู่ในระดับสูงได้อีกแล้ว โดยทีมที่คว้าตัวเขาไปก็คือ แอตเลติโก มาดริด และฤดูกาลเดียวกันนี้เอง ซัวเรซ ก็พิสูจน์ว่าเขายังมีดีพอ ยิงไป 21 ประตู จาก 32 นัด พร้อมกับพา แอตเลติโก มาดริด คว้าแชมป์ ลาลีก้า สเปน ได้ด้วย

 หลุยส์ ซัวเรซ ค้าแข้งอยู่กับสโมรแอตเลติโก มาดริด เพียง 2 ฤดูกาล ก่อนที่สุดท้ายเจ้าตัวจะย้ายกลับไปเล่นให้กับสโมสรนาซิอองนาล ในบ้านเกิดด้วยวัย 35 ปี ปิดฉากการสร้างผลงานค้าแข้งในทวีปยุโรปอันแสนยาวนาน พร้อมกับพาต้นสังกัดคว้าแชมป์ลีกอุรุกวัย ด้วย ก่อนที่ฤดูกาล 2023 ล่าสุดที่ผ่านมา จะย้ายไปหาความท้าทายกับ เกรมิโอ ในบราซิล ต่อ 

 ในส่วนของทีมชาติอุรุกวัย  หลุยส์ ซัวเรซ เริ่มติดทีมชาติอุรุกวัยชุดใหญ่ในปี 2007  เขาเป็นดาวยิงคนสำคัญและผู้ที่ช่วยให้ อุรุกวัย ผ่านพ้นวิกฤตมาแล้วมากมาย โดยเหตุการอันน่าจดจำที่สุดของแฟนบอลอุรุกวัย น่าจะเป็นฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้ ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ที่ อุรุกวัย ต้องพบกับ ทีมชาติกาน่า  

 ระหว่างที่ 90 นาทีเสมอกัน 1-1 ต้องต่อเวลาพิเศษออกไป  ทีมชาติกาน่าได้ลูกฟรีคิกทางกราบขวา บอลชุลมุนอยู่หน้าประตูของอุรุกวัยจนไปเข้าทางของ โดมินิค อดิเยียห์ โหม่งบอลกำลังจะเข้าประตู แต่ หลุยส์ ซัวเรซ ก็ใช้สัญชาตญาณ กระโดดเอามือปัดบอลออกมาจากบนเส้นพอดี

 แน่นอนว่า ซัวเรซ รับใบแดงไล่ออกจากสนามไป แต่การทำผิดกติกาดังกล่าวคือการซื้อโอกาสให้ทีมชาติอุรุกวัยได้ต่อลมหายใจออกไปอีกเฮือก  และมันก็ได้ผล เมื่อ อซาโมอาห์ กียาน ดาวยิงกาน่ายิงลูกจุดโทษพลาดส่งให้หมดเวลา 120 นาที ทั้งสองทีมเสมอกันไป 1-1 ต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ และเป็นอุรุกวัยที่ทำได้ดีกว่าจนสามารถผ่านเข้าไปสู่รอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ

 เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ตามมาอย่างมากมาย เพราะต้องยอมรับกันตามตรงว่าหาก หลุยส์ ซัวเรซ ไม่ตัดสินใจใช้มือทำแฮนด์บอลในจังหวะดังกล่าว ก็คงเป็นทีมชาติกานาที่ได้ผ่านเข้าสู่รอบ 4 ทีมสุดท้ายในฟุตบอลโลกครั้งนั้น 

 แม้ ซัวเรซ อาจจะถูกตราหน้าว่าไม่มีน้ำใจนักกีฬา แต่เขาก็คือฮีโร่ของชาวอุรุกวัย ที่ทำให้ทีมผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลกได้สำเร็จ เป็น แอนตี้ฮีโร่ ของจริงที่ผู้คนในประเทศของเขาจะยังคงจดจำชื่อนี้ไปอีกนาน

Click to comment

Leave a Reply

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Most Popular

To Top