เรียกได้ว่าเกือบจะเกิดการพลิกล็อกครั้งใหญ่ของการลูกหนังอังกฤษหลัง โคเวนทรี ซิตี้ ทีมจากลีกแชมเปียนชิพไล่ตามตีเสมอ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมดังจากศึกพรีเมียร์ลีก 3-3 หลังจากตามหลังไปก่อนถึง 0-3 ในเกมเอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ ทว่าสุดท้ายแล้วพวกเขาไปพ่ายจุดโทษต่อ “ปีศาจแดง” ทำให้กระเด็นตกรอบไปแบบน่าเสียดาย
โดยแน่นอนว่าหนึ่งในนักเตะที่ทำผลงานได้โดดเด่นที่สุดของ “ช้างกระทืบโรง” ในเกมดังกล่าว รวมถึงในฤดูกาลนี้ด้วย นั่นก็คือ เอลลิส ซิมส์ กองหน้าดาวรุ่งวัย 23 ปีซึ่งเป็นคนทำประตูตีตื้นให้ทีมไล่มาเป็น 1-3 และทีส่วนร่วมกับการทำเกมรุกแทบทุกจังหวะ
อย่างไรก็ตามเชื่อว่าหลายคนยังไม่รู้จักหัวหอกรายนี้ดีมากนัก เพราะเขาเคยมีดรีกรีค้าแข้งในพรีเมียร์ลีกมาแล้วด้วย
สำหรับ ซิมส์ เกิดที่เมืองโอลด์แฮม ประเทศอังกฤษ โดนเจ้าตัวเริ่มเล่นฟุตบอลให้กับทีมเยาวชนของ แบล็กเบิร์น โรเวอร์ส ก่อนที่ย้ายไปอยู่กับอะคาเดมีของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และเอฟเวอร์ตัน ตามลำดับ
และกับ “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” คือทีมที่เจ้าตัวแจ้งเกิดหลังเล่นในระหว่างปี 2017-2020 และได้รับสัญญานักเตะอาชีพครั้งแรกในปี 2019
ทว่าเส้นทางการค้าแข้งของเขากับ เอฟเวอร์ตัน สโมสรในพรีเมียร์ลีกเป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะเขาไม่สามารถเบียดลงเล่นทีมชุดใหญ่ได้จนถูกปล่อยยืมตัวไปให้กับ แบล็กพูล, ฮาร์ทส์ ออฟ มิดโลเธียน, ซันเดอร์แลนด์ ยืมตัวในช่วงฤดูกาล 2020-2021, 2021-2022 และ2022-2023 ตามลำดับ
ก่อนที่สุดท้ายในปี 2023 โคเวนทรี ซิตี้ จากลีกแชมเปียนชิพเห็นความสามารถของดาวยิงเจ้าของส่วนสูง 191 เซ็นติเมตรรายนี้ และยอมทุ่มเงินกว่า 7 ล้านยูโร (ราว 276,053,029 บาท) เพื่อเซ็นสัญญามาเสริมแกร่งแบบถาวร พร้อมรับสัญญา 4 ปีหรือถึงปี 2027
แม้จะเกิดการตั้งคำถามว่า ซิมส์ เหมาะสมกับค่าตัว 7 ล้านยูโรดังกล่าวหรือไม่ เนื่องจากเจ้าตัวยังไม่ได้พิสูจน์ตัวเองแบบเป็นชิ้นเป็นอันมากนัก
ถึงกระนั้นดาวเตะชาวอังกฤษรายนี้ก็ตอบแทนความไว้ใจด้วยการโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นโดยเฉพาะซีซั่นนี้ที่เขากดไปแล้ว 19 ประตูจากการลงสนาม 49 นัดทุกรายการ รั้งตำแหน่งดาวซัลโวสโมสร
นอกจากนั้นแล้วเขายังมีส่วนทำให้ “ช้างกระทืบโรง” ลิ่วรอบรองชนะเลิศของ เอฟเอ คัพ เนื่องจากเหมาะคนเดียว 2 ประตูกับ 1 แอสซิสต์ในเกมบุกน๊อก วูล์ฟแฮมป์ตัน ทีมจากพรีเมียร์ลีก 3-2 ในรอบก่อนรองชนะเลิศ
สำหรับ ซิมส์ เป็นกองหน้าที่มีจุดเด่นเรื่องร่างกายที่แข็งแกร่งทำให้ปะทะกับกองหลังฝั่งตรงข้าม รวมถึงบังบอลได้ดี นอกจากนั้นเจ้าตัวยังสามารถจบสกอร์ได้เฉียบขาดด้วย
จากผลงานที่เกิดขึ้นทำให้เชื่อว่า ซิมส์ มีอนาคตที่สดใสรออยู่ และมีเปอร์เซ็นต์สูงที่อาจจะเห็นเขาได้กลับมาค้าแข้งในพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง
